
ความลวงอันหลากหลาย
เกริ่น
ผมเริ่มมีเวลาว่างมากขึ้น หน้าที่ลดลงตามแรงกดทางการเมือง ที่จริงผมไม่ได้สำคัญมั่นหมายในตัวตนว่าสลักสำคัญอะไร เพราะผมรู้สึกว่าผมเป็นเพียงมนุษย์คนนึงที่หายใจอยู่บนโลกนี้เท่านั้น เป็นมนุษย์ร่างกายสกปรกที่รู้ว่าภาระหน้าที่ในความเป็นมนุษย์คืออะไร และไม่มีอะไรมากไปกว่าแค่เดินไปทำมัน ก็เท่านั้น
แต่สิ่งที่ดูขัดลูกหู ลูกตา บาดอก บาดใจใคร หลายคน ก็เพียงเพราะผมเป็นคนประหลาด คือ เมื่อลงมือทำสิ่งใดแล้ว มั่นใจว่าทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น โดยผ่านการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องยาวนาน ผมจะไม่ลังเลที่จะทำ และไม่เสียใจกับสิ่งใดที่ทำลงไป แม้ว่าจะมีเสียงด่าทอตามมาพร้อมกับช่อดอกไม้ประปรายก็ตาม นั่นแหละสิ่งที่ผมมักจะทำ เพราะมัน คือ มรรคาแห่งการฝึกฝนตนเอง เพื่อการสัมผัส ซึ่ง “ความจริง” อันสันติ พิสุทธิ์ ซึ่งไม่อาจประนีประนอมต่อเปลือกป้ายความคิดใดๆ
........................................................................
Post-Modern ของเล่นชิ้นใหม่ของปัญญาชน
ผมพบตัวเองกำลังนั่งอ่านหนังสือที่ปัญญาชนสัญชาติไทย ตื่นเต้น ตูมตาม นาม แนวคิดหลังสมัยใหม่ Post-Modern อ่านแล้วรู้สึกวิงเวียนกับศัพท์แสงนานัปการ เช่น การรื้อสร้าง Deconstruction ตะลึงพึงเพริดกับแนวความคิดต่างๆ จากปรัชญาเมธีทั้งหลาย อาทิ ฟูโกร์ โบร์ดิย่า แดริด้า พอจะจับสาระอะไรบางอย่างได้ ก็ให้นึกถึงบทสนทนา ณ ร้าน แฮมลอก สำนักบล็อก บล็อก ที่ในคืนนึงท่านราชันย์ถามว่า “ กฎหมายมี Post-Modern ไหม” ผมได้แต่ตอบไปว่า คงมีมั้ง อย่างเช่น กรณีกระบวนการยุติธรรมนอกศาล ที่ไม่อิงกับระบบยุติธรรมกระแสหลัก ฟังดูเหมือนผมจะตอบแบบเอาตัวรอด เพื่อไม่ให้ตัวเองดูโง่มั้ง แต่อันที่จริงแล้ว ผมไม่มีความศรัทธาสมาทานต่อ Post-Modern ต่างหาก และก็ไม่เห็นคุณค่าในทางปรัชญาของ Post-Modern
เหตุอันใดไหนเลยผมจึงไม่สนใจไยดีกับ PM
ประการแรก ผมเบื่อหน่ายกับปัญญาชนพ่นทฤษฎีฝรั่ง
ประการที่สอง PM คือ การคุ้ยขยะทางความคิดเน่าๆ ในนามการรื้อสร้าง สร้างอะไรรึ สร้างขยะในสถาปัตยกรรมความคิดแบบใหม่ไง เหม็นอยู่ดี ซากเน่าเหล่านี้ ทับถมมาตั้งแต่ ยุคกรีก โดยเฉพาะนายตัวดี อริสโตเติล ยุคโรมัน ยุคกลาง อย่างสำนัก สโกลัสติก จอห์น คาลวิน ยุคทันสมัย อย่าง นิวตัน ดาร์วิน เสปนเซอร์ มาร์ก ฟรอยด์ ไอน์สไตน์ เคนส์ แซมมวลสัน ฟรีดแมน ซากเน่าทั้งนั้น
ประการที่สาม สาระของ PM ที่ยอมรับความแตกต่างหลากหลายในลักษณะ Pluralism คือ ความงงงัน กับซากเน่าทางปัญญาที่ผิดพลาด ซ้ำแล้ว ซ้ำอีกของฝรั่ง เลยไม่รู้จะอย่างไร เพียงแต่ชี้ๆว่า มันมีหลากหลาย จนมีการหลงคิดว่า นั่น คือ ความจริง ที่หลากหลาย
ประการที่สี ผมเบื่อหน่ายกับบรรยากาศวิชาการ ตามรูก้นฝรั่งเต็มทน บางความคิดของฝรั่งอาจจะมีดีอยู่บ้าง แต่ของดีกว่าของเรามี มีมานานไม่รู้จักไปศึกษา อย่างนี้แหละที่เรียกว่า ไร้ราก
ด้วยเหตุนี้ ในกระแสธารความคิดฝรั่ง ที่อิงแอบความคิดอยู่ที่ จิต ที่แปดเปื้อนด้วย อุปาทาน Post-Modern ในสายตาผมจึงเป็น ของเล่นชิ้นใหม่ของปัญญาชน ที่กำลัง In Trend ว้าว
หลังสมัยใหม่ ความลวงอย่างรอบด้าน
แนวคิดของ PM แท้จริง เกิดขึ้นท่ามกลางความสับสนทางความคิดของปัญญาชนตะวันตก ที่ตกตะลึง กับความล้มเหลว ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ทั้ง การล้มสลายของโรมัน การล้มสลายของศาสนจักรที่ปริเยศชอบพูดถึง ความต่ำทรามของทุนนิยม ความล่มสลายของคอมมิวนิสต์ กระทั่งความล่มสลายของระบบนิเวศ จึง งง งง ว่าตกลงอะไรมันถูก อะไรมันผิด อะไรมันดี อะไรมันชั่ว ความจริง คืออะไร งงไป งงมา ก็ชี้เปรี้ยงออกมาว่า ความหลากหลาย แต่ผมมองว่ามันคือ ความหลากหลายของซากเน่า ทางความคิดซะมากกว่า
ดังนั้น PM จึงเป็นความพยายามในการ รื้อกองขยะ ซากเน่า ทั้งหลาย แล้วก็พยายามประกอบซากเน่านั้นใหม่ แต่ขยะ ก็ คือขยะ อย่างไรมันก็เหม็น ด้วยเหตุนี้คนที่สมาทานเอา PM เป็นสังขาร จึงมีหน้าที่ วิเจาะ วิจารณ์ ไปเรื่อยๆแบบหาสาระแก่นสารไม่ได้ PM จึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับ พลั้วคุ้ยขยะหรือรถขนขยะ
ขยะ ขยะ ขยะ
ขยะที่ว่า คือ ความลวง PM จึงกลายเป็นเพียง แนวความคิด ความหลากหลายของความลวงอย่างรอบด้าน
ทำไปทำมา เวลาฟังแนวคิดของ PM ทำให้ผมนึกถึง แรงเหวี่ยงกลับของ Momentum ทางความคิด ที่ตะวันตก กำลังหาทางออกไม่เจอ จนกลับไปสู่ยุคปรัชญาแบบ Sophist ที่กล่าวในภาษา ละตินว่า Homo Mensura ( A man is a measure of thing) ซึ่งก่อให้เกิดแรงดีดกลับเป็นปรัชญาสำนัก แบบทั้งหลาย ในยุคกรีก อันมีโสคราตีสเป็นหัวขบวน
นี่แหละครับ การเหวี่ยงไปมาในช่องความคิดที่มาร์ก เรียกว่า วิภาษวิธี
นี่แหละครับ การหลงวนอยู่ในความลวงอันแสนทุกข์ทน ซึ่งพระพุทธองค์กล่าวไว้ว่ามันคือ ทวิลักษณ์ เจ้าแห่งมายา ในปารามิตาสูตร พระสูตรบันลือโลกที่ผมประทับใจเป็นนักหนา
................................................
แล้วความจริง คือ อะไร ความจริงมีหนึ่งเดียวใช่หรือไม่
ถ้ามีเวลา ผมจะเล่าให้ฟัง
ไม่รู้มีใครได้ยินรึเปล่า ฮา ฮา
.................................................
บุญรักษา ชีวาสดชื่น