Friday, July 28, 2006

ความลวงอันหลากหลาย


ความลวงอันหลากหลาย

เกริ่น
ผมเริ่มมีเวลาว่างมากขึ้น หน้าที่ลดลงตามแรงกดทางการเมือง ที่จริงผมไม่ได้สำคัญมั่นหมายในตัวตนว่าสลักสำคัญอะไร เพราะผมรู้สึกว่าผมเป็นเพียงมนุษย์คนนึงที่หายใจอยู่บนโลกนี้เท่านั้น เป็นมนุษย์ร่างกายสกปรกที่รู้ว่าภาระหน้าที่ในความเป็นมนุษย์คืออะไร และไม่มีอะไรมากไปกว่าแค่เดินไปทำมัน ก็เท่านั้น

แต่สิ่งที่ดูขัดลูกหู ลูกตา บาดอก บาดใจใคร หลายคน ก็เพียงเพราะผมเป็นคนประหลาด คือ เมื่อลงมือทำสิ่งใดแล้ว มั่นใจว่าทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น โดยผ่านการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องยาวนาน ผมจะไม่ลังเลที่จะทำ และไม่เสียใจกับสิ่งใดที่ทำลงไป แม้ว่าจะมีเสียงด่าทอตามมาพร้อมกับช่อดอกไม้ประปรายก็ตาม นั่นแหละสิ่งที่ผมมักจะทำ เพราะมัน คือ มรรคาแห่งการฝึกฝนตนเอง เพื่อการสัมผัส ซึ่ง “ความจริง” อันสันติ พิสุทธิ์ ซึ่งไม่อาจประนีประนอมต่อเปลือกป้ายความคิดใดๆ
........................................................................
Post-Modern ของเล่นชิ้นใหม่ของปัญญาชน
ผมพบตัวเองกำลังนั่งอ่านหนังสือที่ปัญญาชนสัญชาติไทย ตื่นเต้น ตูมตาม นาม แนวคิดหลังสมัยใหม่ Post-Modern อ่านแล้วรู้สึกวิงเวียนกับศัพท์แสงนานัปการ เช่น การรื้อสร้าง Deconstruction ตะลึงพึงเพริดกับแนวความคิดต่างๆ จากปรัชญาเมธีทั้งหลาย อาทิ ฟูโกร์ โบร์ดิย่า แดริด้า พอจะจับสาระอะไรบางอย่างได้ ก็ให้นึกถึงบทสนทนา ณ ร้าน แฮมลอก สำนักบล็อก บล็อก ที่ในคืนนึงท่านราชันย์ถามว่า “ กฎหมายมี Post-Modern ไหม” ผมได้แต่ตอบไปว่า คงมีมั้ง อย่างเช่น กรณีกระบวนการยุติธรรมนอกศาล ที่ไม่อิงกับระบบยุติธรรมกระแสหลัก ฟังดูเหมือนผมจะตอบแบบเอาตัวรอด เพื่อไม่ให้ตัวเองดูโง่มั้ง แต่อันที่จริงแล้ว ผมไม่มีความศรัทธาสมาทานต่อ Post-Modern ต่างหาก และก็ไม่เห็นคุณค่าในทางปรัชญาของ Post-Modern

เหตุอันใดไหนเลยผมจึงไม่สนใจไยดีกับ PM

ประการแรก ผมเบื่อหน่ายกับปัญญาชนพ่นทฤษฎีฝรั่ง

ประการที่สอง PM คือ การคุ้ยขยะทางความคิดเน่าๆ ในนามการรื้อสร้าง สร้างอะไรรึ สร้างขยะในสถาปัตยกรรมความคิดแบบใหม่ไง เหม็นอยู่ดี ซากเน่าเหล่านี้ ทับถมมาตั้งแต่ ยุคกรีก โดยเฉพาะนายตัวดี อริสโตเติล ยุคโรมัน ยุคกลาง อย่างสำนัก สโกลัสติก จอห์น คาลวิน ยุคทันสมัย อย่าง นิวตัน ดาร์วิน เสปนเซอร์ มาร์ก ฟรอยด์ ไอน์สไตน์ เคนส์ แซมมวลสัน ฟรีดแมน ซากเน่าทั้งนั้น

ประการที่สาม สาระของ PM ที่ยอมรับความแตกต่างหลากหลายในลักษณะ Pluralism คือ ความงงงัน กับซากเน่าทางปัญญาที่ผิดพลาด ซ้ำแล้ว ซ้ำอีกของฝรั่ง เลยไม่รู้จะอย่างไร เพียงแต่ชี้ๆว่า มันมีหลากหลาย จนมีการหลงคิดว่า นั่น คือ ความจริง ที่หลากหลาย

ประการที่สี ผมเบื่อหน่ายกับบรรยากาศวิชาการ ตามรูก้นฝรั่งเต็มทน บางความคิดของฝรั่งอาจจะมีดีอยู่บ้าง แต่ของดีกว่าของเรามี มีมานานไม่รู้จักไปศึกษา อย่างนี้แหละที่เรียกว่า ไร้ราก

ด้วยเหตุนี้ ในกระแสธารความคิดฝรั่ง ที่อิงแอบความคิดอยู่ที่ จิต ที่แปดเปื้อนด้วย อุปาทาน Post-Modern ในสายตาผมจึงเป็น ของเล่นชิ้นใหม่ของปัญญาชน ที่กำลัง In Trend ว้าว

หลังสมัยใหม่ ความลวงอย่างรอบด้าน
แนวคิดของ PM แท้จริง เกิดขึ้นท่ามกลางความสับสนทางความคิดของปัญญาชนตะวันตก ที่ตกตะลึง กับความล้มเหลว ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ทั้ง การล้มสลายของโรมัน การล้มสลายของศาสนจักรที่ปริเยศชอบพูดถึง ความต่ำทรามของทุนนิยม ความล่มสลายของคอมมิวนิสต์ กระทั่งความล่มสลายของระบบนิเวศ จึง งง งง ว่าตกลงอะไรมันถูก อะไรมันผิด อะไรมันดี อะไรมันชั่ว ความจริง คืออะไร งงไป งงมา ก็ชี้เปรี้ยงออกมาว่า ความหลากหลาย แต่ผมมองว่ามันคือ ความหลากหลายของซากเน่า ทางความคิดซะมากกว่า

ดังนั้น PM จึงเป็นความพยายามในการ รื้อกองขยะ ซากเน่า ทั้งหลาย แล้วก็พยายามประกอบซากเน่านั้นใหม่ แต่ขยะ ก็ คือขยะ อย่างไรมันก็เหม็น ด้วยเหตุนี้คนที่สมาทานเอา PM เป็นสังขาร จึงมีหน้าที่ วิเจาะ วิจารณ์ ไปเรื่อยๆแบบหาสาระแก่นสารไม่ได้ PM จึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับ พลั้วคุ้ยขยะหรือรถขนขยะ

ขยะ ขยะ ขยะ
ขยะที่ว่า คือ ความลวง PM จึงกลายเป็นเพียง แนวความคิด ความหลากหลายของความลวงอย่างรอบด้าน

ทำไปทำมา เวลาฟังแนวคิดของ PM ทำให้ผมนึกถึง แรงเหวี่ยงกลับของ Momentum ทางความคิด ที่ตะวันตก กำลังหาทางออกไม่เจอ จนกลับไปสู่ยุคปรัชญาแบบ Sophist ที่กล่าวในภาษา ละตินว่า Homo Mensura ( A man is a measure of thing) ซึ่งก่อให้เกิดแรงดีดกลับเป็นปรัชญาสำนัก แบบทั้งหลาย ในยุคกรีก อันมีโสคราตีสเป็นหัวขบวน

นี่แหละครับ การเหวี่ยงไปมาในช่องความคิดที่มาร์ก เรียกว่า วิภาษวิธี

นี่แหละครับ การหลงวนอยู่ในความลวงอันแสนทุกข์ทน ซึ่งพระพุทธองค์กล่าวไว้ว่ามันคือ ทวิลักษณ์ เจ้าแห่งมายา ในปารามิตาสูตร พระสูตรบันลือโลกที่ผมประทับใจเป็นนักหนา
................................................
แล้วความจริง คือ อะไร ความจริงมีหนึ่งเดียวใช่หรือไม่
ถ้ามีเวลา ผมจะเล่าให้ฟัง

ไม่รู้มีใครได้ยินรึเปล่า ฮา ฮา
.................................................
บุญรักษา ชีวาสดชื่น

17 comments:

Anonymous said...

แสดงว่า ความจริง มีหนึ่งเดียว งง งง

Anonymous said...

คำก็ตูดฝรั่ง คำก็ขยะฝรั่ง

ถ้างั้นดิ้นรนจะเรียนเมืองฝรั่งทำแมวอะไรวะ ?

crazycloud said...

ทำไมผมอยากไปเมืองฝรั่ง

๑.อยากไปเที่ยว

๒.อยากไปเรียนดู จะได้รู้ว่า ศัตรูหน้าตาเป็นอย่างไร รู้เขา รู้เรา

๓.ต้องยอมรับ สังคม ไทยถ้าไม่จบฝรั่ง ไม่มีใครฟัง
กะจะไปซื้อเครื่องขยายเสียงแปดหลอด

๔.ถ้า แมวฝรั่ง สวย จะซื้อกับบ้านสักตัว ฮา ฮา

นี่ไง เหตุผล ชัดไหม โหล โหล

crazycloud said...

ทำไมผมอยากไปเมืองฝรั่ง

๑.อยากไปเที่ยว

๒.อยากไปเรียนดู จะได้รู้ว่า ศัตรูหน้าตาเป็นอย่างไร รู้เขา รู้เรา

๓.ต้องยอมรับ สังคม ไทยถ้าไม่จบฝรั่ง ไม่มีใครฟัง
กะจะไปซื้อเครื่องขยายเสียงแปดหลอด

๔.ถ้า แมวฝรั่ง สวย จะซื้อกับบ้านสักตัว ฮา ฮา

นี่ไง เหตุผล ชัดไหม โหล โหล

Anonymous said...

อ้าว...ถ้าคุณคิดแบบนี้ได้ ทำไมไม่คิดบ้างเล่าว่า คนจำนวนหนึ่งที่ไปเรียนเมืองฝรั่ง เขาก็คิดไม่ได้ต่างจากคุณ ทำไมต้องไปจิ๊กกัดคนอื่นเขา ว่า อยากตามตูดฝรั่ง ???

รู้ไหมว่า....เขียนยังงี้ ตัวหนังสือ มันผสมกลิ่นคนขี้อิจฉา กับปากว่าตาขยิบ คลุ้งเลย !!!

logakoo said...

ไอ้นิรนามเว้ย

กูรู้จักพี่เขามานานกว่ามึงแน่ๆว่ะไอ้ห่า กูไม่ได้มาปกป้องนะเว้ย แต่มึงเชื่อเหอะเขาไม่ได้เป็นคนขี้อิจฉา ปากว่าตาขยิบอย่างที่มึงแม่งคิดแน่ๆว่ะ

ไอ้เรื่อง pm ส้นตีนอะไรเนี่ยที่แม่งคลั่งกันนัก กูก็คิดว่าแม่งก็เหล้าเก่าในขวดใหม่ว่ะ

อีกอย่างนึงกูก็เป็นคนนึงที่อยากเรียนนอก ป่าว ไม่ได้เรียนเพราะอยากจะเอาอย่างฝรั่งหรือว่ามันดี แต่กูอยากได้ใบเบิกทางต่างหาก มึงก็น่าจะรู้ว่า ถ้าคนอย่างกูที่แม่งจบแค่ตรีกฎหมายในไทย มันทำเหี้ยอะไรไม่ได้ ชัดป่าววะมันทำเหี้ยอะไรไม่ได้ สมัครเฟิร์มแม่งก็ไม่รับ ราชการแม่งถ้าไม่มีเส้นก็อย่าหวังมากนอกจากมึงแม่งโคตรพ่อเก่ง หรือถ้ามึงโชคดีเขาเอามึงเข้าไปมึงก็โดนบี้จากไอ้พวกเด็กนอกท้งๆที่บางเรื่องเราอาจจะดีกว่าเก่งกว่า แต่เสียงกูมันไม่ดังว่ะคนมันไม่ค่อยเชื่อเว้ย ไอ้กร๊วก มันต้องมีกระดาษคุณวุฒิจากนอกก่อน

เอาง่ายๆแค่กูเขียนบทความลงวารสารนิติ เนี่ยถ้ากูเขียนเรื่องยากๆเนื่องจากกูมีความรู้จริง กูศึกษามาจริง กูทำงานมาจริงๆ แต่ถ้ากูไม่มีพวกโทนอกประเทศ มึงจะเชื่อกูป่ะ

ไอ้เรื่องที่คนอื่นอยากไปเรียนด้วยเหตุผลนี้กูว่ามีอยู่แล้วล่ะมีเยอะด้วย แต่ไอ้พวกที่แม่งไปแล้วคิดว่าฝรั่งดีที่สุดในโลก ประเทศที่กูเรียนมาสอนถูกต้องที่สุดที่อื่นแม่งผิด มึงจบในไทย มึงจบประเทศที่ต่ำกว่ากูกูไม่ฟัง มึงไอ้พวกไทยทำไมมึงไม่แก้ปัญหาอย่างฝรั่งวะ วิธีคิดของมึงผิดหมดเพราะมึงไม่คิดตามฝรั่ง โดยที่แม่งไม่มองรากเหง้าของมันเองเนี่ย แม่งก็น่าตบจริงๆนี่หว่า

เฮ้อบ่นเยอะชิบเป๋งเลยว่ะ อ้อขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่ากูเป็นคนใช้ภาษาแบบนี้แบบของกูหวังว่าไอ้พวกที่ไม่ชอบภาษาแบบกูคงไม่มาด่ากูถึงตระกูลกูนะ ถ้ามึงทำแล้วกูรู้ว่ามึงเป็นใครกูเอามึงตาย

พี่โตผมขอโทษนะที่ทำให้พื้นที่ขอพี่มีคำถ่อยๆของผม

Gelgloog said...

ตะหงิดตั้งแต่ เห็น 8 คอมเม้นต์แล้ว สงสัยต้องมีวิวาทะอะไรแหงมๆ

สำหรับ PM ผมคงไม่อยากจะวิวาทะต่อให้มาก แต่ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่กำลังงมในเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ด้วยเจตนาที่ว่า 1)ในสาขาเศรษฐศาสตร์เองคนที่งมอยู่ในประเด็นนี้น้อยมาก แม้จะใน ตปท ก็ตามที อารมณ์ประมาณอยากลองของนิดนึง 2)เป็นความสนใจส่วนตัว เพราะผมอาจจะมีมุมมองต่างจากพี่ๆทั้งสอง และคิดว่าการนำเอา PM เข้ามาในเศรษฐศาสตร์มันก็น่าจะก่อให้เกิดคุณูปการกับสาขาวิชานี้บ้าง ส่วนใครจะว่าตามตูดฝรั่งหรือยังไง ผมไม่แก้ตัว และไม่ปฏิเสธ ในเมื่อของมันดี (ในสายตาผม)ก็ขอใช้ซักหน่อยละกัน 3)ความที่แม่งอินเทรนเหลือเกิน ซึ่งมาจากความบังเอิญที่เจอคำนี้เกร่อเหลือเกิน เลยลองไปดูซิว่ามันเป็นยังไง ไปๆมาๆ เลยต้องงมกับมันเสียโงหัวไม่ขึ้น (ฮ่าๆ)

แต่ก็ขอบอกตามตรงเลยว่าตั้งแต่งมๆมานี่ก็เข้าใจประมาณ ห้าเปอร์เซ็นต์ (มากไปป่าววะ)ของทั้งหมดได้มั๊ง เหอ เหอ

และก็เห็นด้วยกับคุณเมฆาแหละว่าอารมณ์ของ PM มันก็เหมือนกับย้อนไปกินของเก่า ส่วนนึงที่มันเกิดขึ้นก็เพราะอารมณ์ตันๆ ของไอ้ความเป็น modern นี่แล

อีกทั้งที่บอกว่ากระแส PM นั้นมันก็เหมือนกับเป็น anti-thesis ในหลัก dialectic ของมาร์ค นั้นก็ถูกอีก สำหรับผมแล้ว PM มันก็เป็นเหมือน moments หนึ่งที่มันมากระแทกกับ modern ซึ่งอาจจะทำให้เราย้อนกลับไปข้างหลัง ย้อยลงล่าง หรือจะพุ่งไปข้างหน้าก็ได้

สำหรับจะเหล้าเก่าเหล้าใหม่ ไม่เป็นไรครับ ถ้าหากมันมีประโยชน์ต่อสิ่งที่ผมกำลังศึกษาผมก็ว่าน่าจะมา mix ใส่โซดาหน่อยก็โอเคน่า

ส่วนการโต้เถียงหรือการแสดงความคิดทั้งใน blog และใน comment ผมคิดว่าคงไม่ถึงกับต้องด่าพ่อล่อตระกูลกันหรอกเนอะ ใจร่มๆกันเถอะโยม

ส่วนเรื่องเรียนเมืองนอกนี่นานาจิตตังครับ คงไม่ขอร่วมวง

หวังว่าทุกท่านคงสบายดี

crazycloud said...

ขอบคุณ สำหรับ ระบบศีลธรรมตักเตือนใจ

เอาเรื่องแรก เรื่องอิจฉา คนอื่นเรียนนอก

ที่ ม.รังสิต อันร่ำรวยด้วยทุนนิยม มีทุนให้ผมไปเรียนอย่างเหลือเฟือ มกจ๊ก แต่ผมพยายามจะขอทุนไปเอง พลาดไปสองครั้ง ทั้งเยอรมัน และฝรั่งเศส

เหตุผล ผมไม่อยากผูกพัน ตนเอง กับที่ใด

ถ้าเชื้อมูลแห่งความอิจฉา จะใช้เหตุผลส่องดู ก็อาจคาดเดา ด้วยว่า ผมอิจฉาความอิสระของผู้อื่น แต่ก็ยังส่องไม่เจอความอิจฉา

สำหรับวิวาท หยาบคาย เป็นเพียงการสอนแนวทดลอง เรียกว่าสอนแบบ เซน ครับ ชี้ตรงสู่จิต ด้วยฝ่ามือ เอาแบบจุกๆ

อารามเซนสมัยก่อน ตีด้วยกระบอง ขอรับ

แต่นี่ตีด้วย คำพูด ไม่เจ็บตัวหรอก

สำหรับชาวบล็อก ที่ผมสรรเสริญ เอาจริงไหม ไม่ได้สมานฉันท์ แบบทักษิณ มีอยู่ ห้าท่าน ที่ผมยกให้เป็น เมกกะ

ท่านแรก นิติรัฐ คนนี้ สมบูรณ์แบบกับวัยหนุ่ม อนาคตไกลมากๆจับตาดู คนนี้ อย่างต่ำคณบดีนิติ มธ. แต่สิง่ที่ขาด คือ ความเข้าใจเชิงสังคมเชิงลึก ถึงขั้นจิตวิญญาณ และยังติดกลิ่น นิติแนว ปฏิฐานนิยม ต้องระเบิดกันเล่น ในฐานะน้องรัก นักรัก นักดื่ม ที่แมวอ้วนอย่างผมยังต้องยอม

ท่านสอง ปิ่น ปรเมศว์ เฉียบขาด ผมชอบอ่านงานของ เพื่อนเศรษฐสามแปดคนนี้มาก แต่ด้วยสันดานของผมที่ไม่ชอบขยับความสัมพันธ์ตอนที่เริ่มมีชื่อเสีย ฮ ฮา เลยต้องขอสกัดจุดหน่อย ด้วยการไม่รับความช่วยเหลือใดๆจาก ปิ่น ปรเมศว์ ส่วนเรื่อง PM ขออัดแบบหมัดตรง เพราะผมเบื่อฝรั่งจริงๆ อันนี้ ขอให้ลองอ่านประวัติศาสตร์ฝรั่ง ตั้งแต่มันประดิษฐ์เรือปืน จนถึงความคิดของพวกแม่ง ที่เลยเถิดจนสถาปนาสถาบัน ความโลภ คือ บรรสัตว์ข้ามชาติขนาดยักษ์ หาอ่านกันเอาเอง มันยาว

ท่านสาม คือ มิ้ม คนนี้ผมติดใจในความหวานหอมของถ้อยคำ ไม่เคยคิดด่า แต่มีเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย และยังรักและเป็นห่วงเหมือนเดิม

ท่านสี่ คือ ท่านผู้ช่วยผู้พิพากษา ราติโอ้ คนนี้สมบูรณ์ตามแบบ นักกฎหมายในฝัน คือ แม่นยำ และมีมุมองในเชิงประวัติศาสตร์

ส่วนท่านสุดท้าย ที่ผมชอบที่สุด คือนายกล้า สมุทวาณิช ชอบในภาษา สุดแคลสสิก ความโรแมนติก และความห้าวติดดาบ ผมชอบวลีเด็ดใน บล็อก บล็อก ที่เชิญชวนให้อ่านหนังสือของ ปิ่น ปรเมศว์ ด้วยคำว่า "ขอเชิญสำเร็จความใคร่รู้" รักเลย คนนี้อัดกันหนัก จนไม่มองหน้ากัน หมายถึง เขาไม่มองผม เพราะรักมากนั่นเอง
.........

สำหรับ พลพรรค ชาวหยาบคายทั้งหลาย ขอขอบคุณที่ร่วมวง หยาบคายแนวทดลอง เป็นเกียรติ เป็นเกียรติ

crazycloud said...

ล่าสุด คำอธิษฐานของผมเป็นจริง เมื่อ ธรรมศาสตร์ ปลูกข้าวแล้ว

แต่เรื่องนี้ต้องติตตามว่า จะเป็นจริง หรือ รีอัลลิตี้โชว์แบบ อาจสามารถ ฮา ฮา

หากทำได้จริง ขอให้ย้ายไปรังสิตโดยพลัน เพื่อปลูกกล้าลงในตรม คือ กล้าแห่งจิตวิญญาณหนุ่มสาวที่จะฝังตัวลงบนพื้นดินอันแล้งร้อนแต่อุดม

คราวนี้ไม่ต้องถอดเสื้อกลางแดดแบบผมแนะนำแล้ว ทำนาจริงๆ

ชาวนาจงเจริญ ทุนนิยมชั่วจงบรรลัย

Gelgloog said...

เข้าใจ และซึมซาบ

อารมณ์เหมือนหยั่งเชิง เอาไม้เขี่ยๆ เกลื่ยๆ กระทุ้งเบาๆ

สำหรับผมเอง ออกจะชอบสังคมใน blog (นี้นะ) เพราะมีอะไรก็เว้ากันตรงๆ ซื่อๆ ใครไม่ชอบ หรือชอบหอกอะไรก็ว่ากันมา

ส่วนเรื่องตรรกะ เหตุผลก็นะ คิดว่าระดับท่านๆ กันแล้วล้วนมีกันหมด อันนี้ผมเคารพความคิดของแต่ละคน ต่างจิตต่างใจ นานาจิตตัง คนโน้นคิดแบบนี้ คนนี้คิดแบบโน้น ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด คงสนุกพิลึก

ส่วนเรื่อง PM ก็เข้าใจอารมณ์คุณเมฆฯนะ เพราะเค้าจะออกแนว ปฏิบัตินิยม คงไม่ใคร่ นิยมปรัชญาตะบักตะบวยอะไรแบบนี้เท่าไร (แม้นว่านัยของ PM ก็เป็นอะไรที่เน้นไปในเชิงปฏิบัติ แต่ภาษาและแนวคิดของมันเอง แม่งก็เข้าใจนะว่าห่างไกลเหลือ)

ขอสรุปแบบรวบรัด ต่างคน ต่างคิด ต่างจิต แตกต่าง แต่ไม่ต้องกร่างใส่กัน เท่านี้ก็สุขสม อุดมสรรค์

ไว้ว่างๆ มาคุยกันใหม่

crazycloud said...

คร๊าบผม

Soulseeker said...

ไอคุณท่านเจตน์ ไอเวลล์ เล่นซะห่ามตามสำบัดสำยวนสำนวน คัดหลั่งผรุสวาทได้เหลือแดกซ์จริงๆ

ผมปราศจากข้อสงสัยในเจ้าของบลอกมากพอที่จะปราศจากข้อสงสัยในเพื่อนพี่น้องในสังคมอุดมปัญญา(จริต?)แห่งนี้

แต่ผมรู้สึกว่าผมไม่กล้าหรือไม่หนักแน่นพอ ในการที่จะอัด เลยทำได้แค่"แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง"

ผมเห็นในสิ่งที่ผมเห็น แม้ตาไม่เห็น แต่ไม่แน่ใจว่านั้นเป็น "ภาพ" หรือไม่

ผมยืนในจุดที่ผมยืนรู้ว่ายืน แต่ไม่แน่ใจแผนที่เดียวกับคนอื่นหรือไม่

ผมขอกล่าวเพียงว่า ผมเชื่อในเจ้าของบลอก ในเรื่อง "ประโยชน์สุข"

ผมเชื่อในประเด็นเรื่อง ความหลากหลายของ"ข้อมูล"

ผมเชื่อในหลายและหลากประเด็น

แต่ผมแค่ "เชื่อ" ผมไม่ได้ "เป็น" เพราะความเป็นมันเหนื่อยที่จะถือครอง กรรมสิทธิ์คือบ่วงชั้นดีของโลกที่ร้อนแล้ง (แต่ยังมีทะเล)

ผมเห็นว่า(รวมถึงผมเอง) ผิดหมด และ ถูกหมด

เรายืนอยู่ข้างกันเราถืออะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน แต่เราไม่ใช่สิ่งที่เหมือนกัน

แต่เรายืนอยู่บนโลกใบเดียวกัน

นี่แหล่ะคือความ "เชื่อ" แต่ผมมิได้เป็น ผมจึงเผชิญความลักลั่นเช่นว่านี้

งั้นไปเจริญพุทธสุราดีกว่า 555

Etat de droit said...

พี่โต

ผมแวะกลับมาท่องเที่ยวเดือนเศษ

ติดต่อไปที่เบอร์โทรเก่า พบว่าเลิกใช้ไปแล้ว

ช่วยทิ้งเบอร์ใหม่มาด้วย

จะนัดไปสนทนากันหน่อย

crazycloud said...

051135226

crazycloud said...

ถึงชาวบล็อกที่รู้สึกบาดหมาง ถ้ามี

ที่ผ่านมา ผมยอมรับว่า ผม ดุเดือด เลือดพล่าน ซะเหลือเกิน

เหตุที่ดุเดือด คือ ชีวิตในวัยเด็ก ก่อน หกขวบ สิ่งที่ผมอยู่ คือ ไร่ นา กับพ่อ แม่ สิ่งที่ผมเห็น คือ ความเหน็ดเหนื่อย ตลอดเวลาผมจึงตระหนักถึงเรื่องนี้ดี

สอง ภาวะการณ์บ้านเมืองอันเลวร้าย ผมประเมินถึงขั้นเป็นภาวะสงคราม ที่ระบอบทุน กำลัง ปล้น ชีวิต คนจนไม่เหลือหลอ

สาม ผมเลือก นำเสนอตัวเอง เป็น ครูนักรบจากบางระจัน ด้วยข้อแนะนำจากพี่วิฑูรย์ FTA WATCH ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี จากกลุ่มชาวบ้านต่างจังหวัด หลายคนบอกว่าฟังแล้วขนลุก ไม่รู้ว่า อิน หรือ ปวดท้องห้องน้ำ ฮา ฮา แต่สำหรับบทบาทนี้ อาจขัดอกขัดใจชาวกรุง

สี่ ในชั้นต้น ผมไม่ได้กะจะเคลื่อนไหวเอง กะเอาข้อมูลให้นักศึกษาที่ ม.รังสิต และที่ อมธ. เอาไปเคลื่อน แต่เด็กใจยังไม่ถึง เลยต้องวิ่งออกมาเอง ไม่ได้อยากดัง

ห้า เมื่อเคลื่อนตัว ในภาวะสงคราม ก็ย่อมมีความกลัวตาย ห่วงครอบครัวบ้างเป็นธรรมดา ต้องมีเรื่องคิด เรื่องทำ วางแผน ตรวจสอบข้อมูล เดินทาง หาเงิน ได้มานิดหน่อย ในภาวะเช่นนี้ ต้องบุกสถานเดียว บางทีอาจดูไม่แคร์คนอื่น หากผิดพลั้ง ต้องขออภัยกัน

หก โดยส่วนตัว ผมไม่ใช่คนไม่ฟังคนอื่น ในยามสงบ ผมออกจะฟังมากกว่า พูด เพราะ พูดในชั้นเรียนมาเยอะ แต่ในยามสงคราม กลองตี ต้องบุก กระดิ่งตีต้องถอย ใครขัดขืน ประหาร (กฎศึก ต่างจาก กฎบ้าน) นี่คงเป็นช่องว่างที่ถ่างออกในความสัมพันธ์กระมัง ผมอยู่ในสนาม ท่านอยู่ที่บ้าน คนละภาวะการณ์ (บทเรียนของผม คือ หากประสานเจตนาร่วมรบไม่ได้ บางทีต้องอยู่เฉยๆ)

เจ็ด เจตนารมณ์ของผมมีประการเดียว เท่านั้น คือ เอาทักษิณ ออกให้ได้ ผมรู้ว่าการเมืองไทยยังไม่มีปัญญาพอที่จะก้าวหน้า แบบที่นิติรัฐบอก ถูกต้อง แต่สำหรับผม นี่ คือ เหตุฉุกเฉิน ปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องเข้าไปร่วมให้มากที่สุดเท่าที่คนคนนึงจะทำได้

สุดท้าย ขอรายงานความเสียหายให้ทราบ

หนึ่ง ผมอาจจะต้องเสีย น้ำมิตร กับใครหลายคนในบล็อกนี้ไป ไม่ใช่ผมไม่สนใจ แต่คนเราถึงเวลาเสีย ก็ต้องเสีย ไม่ว่ามันจะจำเป็นจะต้องเสียหรือไม่ก็ตาม

สอง ผมหมดเงินไปทั้งสิ้น แปดหมื่น ห้าพัน บาท มีสปอนเซ่อ จาก อ.ทวีเกียรติ อ.บรรเจิด และเพื่อน สามแปด ประมาณ สองหมื่นห้า ที่เหลือ หนี้ที่ผมต้องชำระล้วนๆ

สาม ผมมีเวลาที่ดีงามให้คนที่รักผม และผมรัก น้อยเกินไป แต่ตอนนี้เธอได้จากไปเรียนต่อที่ต่างแดนเรียบร้อย

สิ่งที่ผมได้รับ และมีความสุข มิใช่ ชื่อเสียง เปลือกป้ายใดๆ

แต่ คือ ความสุข ความภูมิใจ ที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ผู้ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ในวัฏสงสาร อันวกวน

crazycloud said...

แถม อีกหน่อย

สำหรับผม โลกใบนี้ คือ เมล็ดถั่วเขียว ของ มหาจักรวาล

เรื่อง ของคน ฝุ่นผงบนเม็ดถั่วเขียว ดูจะเล็กกระจิดริด

เหตุการณ์ ดูจะผ่านไปเร็ว เหมือน กระพริบตาของมหาจักรวาล

หน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ คือ สิ่งที่ต้องทำ ในฐานะ คน คน คน ที่ไม่มีสำมะหาอันใดสลักสำคัญ

เพียงลมหายใจเข้าออก ตะวัน จันทรา ก็เพียง หลอดไฟดวงน้อยที่ฉายฉาน ในค่ำคืน อนันต์ ของ ดาราจักร

หยิน หยาง หยางเหยียดสุด ในสงคราม เพื่อทำลายล้างความชั่ว

หยิน หยาง หยินหดตัวในสงคราม จึงหยาบกระด้าง ขัดสนเมตตา

หยิน หยาง พลังแห่งการดำรงอยู่ ที่ปรับแปรตามภาวะ

เมื่อเสร็จศึก จึงนั่งสมาธิ ซาเซน เพื่อปรับ สมดุล

ผมนึกถึง ชื่อบล็อก เก่า ของผม แล้ว อดสะท้อนใจ

อนิจจังยังเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

เมตตาสีเขียว greenmercy ภาวะสุดขั้วแห่งหยิน บัดนี้ กลายเป็น Crazycloud เมฆบ้า ภาวะสุดขั้วแห่งหยาง ในสายตาผู้คน

ดุลยภาพ แห่งหยินหยาง รูปการณ์ปรากฎที่ต้องเรียนรู้ต่อไป

ซาเซน วาซัน บทเพลงที่ไร้เสียง ยังบรรเลงเนือบนาบอยู่เสมอ ในจิตใจ ของ Greenmercy and Crazycloud

ฟัง สิ แล้วเธอจะได้ยิน

Anonymous said...

Great site lots of usefull infomation here.
»