Tuesday, December 02, 2008

Zum Geburtstag !


Alles Gute zum Geburtstag am 5 Dezember!
Ich liebe meinen König !
Wir bleiben bei der Demokratie und unserem König zusammen.
Herzliche Begrüßung von mir !

Saturday, November 29, 2008

หลงทาง


เที่ยวเดินทางมักมีจุดกำเนิดจากอะไรบางอย่าง
อะไรบางอย่างที่ผลักดันเรา ให้เดินทาง
แรงผลักดังกล่าว ส่วนใหญ่มีที่มาจากตัวเราจริงหรือ

แม้ว่าเรา ด้วยอัตตาของเรา เราบอกกับตัวเองว่า
เราเป็นผู้เลือกเส้นทางดังกล่าวด้วยตัวของเราเอง
แต่จริงหรือที่เราเป็นคนกำหนดหมุดหมายนั้นด้วยตัวเราเอง

เราเคยตรวจสอบลึกลงไปถึงรากเหง้าของมันหรือไม่
รากเหง้า ที่ว่าอาจเป็น เจตนาที่ซ่อนอยู่ในใจของเราเอง
เจตนา ที่บางที่เราสำคัญว่ามันเป็นเรา เป็นทั้งหมดแห่งความเป็นเรา

แต่หากลองมองย้อนกลับไปในอดีตอันละเอียดและซับซ้อน
เราอาจพบว่า แท้จริง ความคิด ทัศนคติ ความรู้สึก นิสัย
อาจไม่ได้เป็นของเราโดยแท้จริง

การเดินทางบางที่อาจสำคัญกระมัง
ในหลายเที่ยวเดินทางมีสิ่งต่างๆให้เราต้องสังสรรค์ผ่านประสาทสัมผัสมากมาย
ทั้งสถานที่ ผู้คน ถนน ซอยแคบ กระทั่งอนสาวรีย์ยิ่งใหญ่
แต่สิ่งที่เราอาจสำรวจลงไปให้ลึกขึ้น ลึกกว่าความสุขหรือทุกข์ที่เราได้สัมผัสในแต่ละเที่ยวเดินทาง
สิ่งที่ลึกล้ำนั้น บางที่อาจแอบซ่อนอยู่ในหัวใจของเราเอง

ใครหลายคนอาจกำลังยืนอยู่ใต้แสงไฟข้างถนนยามค่ำคืน
แน่นอนเขาอยู่ในสถานที่ และเวลา ทางกายภาพเดียวกัน
แต่เจตนาซ่อนเร้นที่นำเขาเหล่านั้นมาอยู่อาจต่างกัน

และหลายครั้งที่กรอบแห่งเจตนาอาจทำให้สถานที่ และเวลาหมดความสำคัญลง
เพราะกรอบเหล่านั้น ทำให้เขาทั้งหลาย ไม่เคยแม้แต่จะทักทาย หรือ มองเห็นซึ่งกันและกันแต่อย่างใด

และแม้แต่กรอบอันแคบคับ ที่เรียกชื่อว่า ความรัก
ในบางครั้งอาจเป็นเพียงการเดินชนกันของผู้หลงทางสองคน
ผู้หลงทางบนถนนแห่งความสัมพันธ์
บางทีเขาเหล่านั้น อาจมิได้ดำรงอยู่ในกันและกัน
เขาอาจมิได้เห็นกัน หรือ เข้าใจกัน

บางทีสิ่งที่เรียกว่า ความรัก
อาจเป็นเพียงการเดินทางอันโดดเดี่ยวที่แต่ละคนล้วนเดินไปบนกรอบอันคับแคบ
กรอบที่นำเราไปพบปะกับอารมณ์ความรู้สึกมากมาย
และนั่น บางที่ อาจเป็นห้วงคำนึงที่เป็นดั่งฟองน้ำโป่งพองครอบคลุมจิตใจของเราไว้ชั้นแล้วชั้นเล่า
แล้วเรายังจะเรียกสิ่งนั้นว่า ความรัก กันอีกหรือ

เจตนามากมาย นำเราเคลื่อนที่ไปบนหนทาง มากมาย
นำเราไปสู่กิจกรรมมากมาย
ในเกือบทุกครั้ง เรายินดีที่จะเดินทางไป
และแม้บางครั้งเราจะหยุดอยู่กับที่ แต่ที่จริงเจตนา
คือผู้บงการให้เราเดินทางไปบนเส้นทางแห่งการหยุดนิ่ง

กายของเรา มันเป็นของเราจริงหรือ
ความคิดที่เราสำคัญมั่นหมาย มันเป็นของเราจริงหรือ
ความรู้สึกต่างๆมันเป็นของเราจริงหรือ
แล้วอะไรเป็นแกนกลางแห่งการดำรงอยู่

เรานั่งฟังเสียงหัวใจของเรา
ฟังด้วยความรู้สึกที่มีอยู่
บางที่เราพบกรอบจำกัดมากมาย
และเช่นกันที่เพื่อนของเราก็มีกรอบจำกัดของเขาเช่นกัน

ทั้งหลาย ทำให้ข้าพเจ้าสงสัยว่า
เมื่อเรากล่าวคำทักทาย เราทักทายกันจริงหรือไม่
เมื่อเราจับมือ เราจับมือกันจริงหรือไม่
เมื่อเรากล่าวถ้อยคำ เราได้พูดกันจริงหรือเปล่า
เมื่อเราบอกรัก เรารักเขาจริงหรือ

สิ่งที่เราครุ่นคิด

บางทีผู้คนบนโลกนี้อาจไม่มีใครเลย
หรือมีแต่เราไม่รู้จัก

บางทีเราอาจเป็นคนหลงทาง
หลงอยู่ในเจตนาอันวกวน

โดยที่เราไม่เคยได้สัมผัสสัมพันธ์กันอย่างแท้จริง

เจตนาที่นำเรามา เริ่ม หลงทางข้างๆกัน
หลงทาง ไปด้วยกัน
และ แยก กันหลงทาง

อย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าเห็น
ในโลกแห่งการหลงทาง
ที่นี่ไม่มีความรัก
จนกว่า เจตนาซ่อนเร้นอันเป็นกรอบอันคับแคบ
จะถูกทุบทิ้ง

ข้าพเจ้าหวังเช่นนั้น กับตัวข้าพเจ้าเช่นกัน

Saturday, November 22, 2008

๐ คือ ๑ และ ๑ คือ ๐


ใบไม้สีเหลืองร่วงโปรยปราย
ในขณะที่อากาศ ณ มิวนิกติดลบ
ริ้วหิมะกับเสียงหวีดลมเต้นระบำกันอยู่ด้านนอก
เรายังนั่งอยู่ในบ้าน

เราเพ่งมองตน ล้วนพบว่าตนล้วนสร้างจากสิ่งที่ไม่ใช่ตน
ความรู้สึกล้วนเกิดก่อจากสิ่งที่ไม่ใช่ความรู้สึก
ความสุขเกิดจากสิ่งที่ไม่ใช่ความสุขมากมาย
ความทุกข์เกิดสิ่งที่ไม่ใช่ความทุกข์มากมาย
บางที ความทุกข์ ก็เกิดจากความสุขก็มี
ความสุขในวันนี้ ก็อาจมาจากความทุกข์ในวันวาน

อะไรบางอย่าง สร้างจากสิ่งที่ไม่ใช่อะไรบางอย่าง

ในกรณีทั่วไป เรามีความทุกข์ให้ลิ้มรสมากมายเหลือเกิน
เพราะเราเข้าใจอะไรผิดไป
เราเกี่ยวเกาะ ยึดกุม แบ่งแยก จนหัวใจเราร้อนเกรียม
เรากำหนดเที่ยวเดินทางแห่งจิตใจ เที่ยวแล้วเที่ยวเล่า
แล้วเมื่อเราพลาดเที่ยวเดินทางนั้นไป
เรายังคงวนเวียนอยู่วังวนซ้ำแล้วซ้ำอีก
เราจึงมิอาจรุดหน้าไปถึงไหน

เมื่อเราเข้าใจ ว่าแท้จริง สรรพสิ่งล้วนมิได้ว่างเปล่า
แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า แท้จริง คือ ทั้งหมด
แต่หากเพียงเราเอาหัวใจไปเกี่ยวร้อยกับปรากฏการณ์ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง
ความเข้าใจผิดมหันต์ ย่อมกระหน่ำซ้ำเติมเราไม่มีวันหมดสิ้น

๐ ในหัวใจ อันไร้กรอบอันคับแคบทำให้เรามองเห็น ๑ คือทั้งหมดอันไพศาล
๑ คือทั้งหมดของปรากฏการณ์ในสากลจักรวาลย่อมมาเยี่ยมเยือนหัวใจแห่ง ๐ ที่กว้างใหญ่เกินจินตนา
.............

ขอให้เธอรักตัวเองให้มาก และจงพิจารณา
ฉันหวังว่าเธอคงพบความสวัสดี ในอนันตกาล
.............

เมฆบ้า

Tuesday, August 26, 2008

Ciao !


I did not write long time cuz i feel tried to write.
When we are beginning to write,everything sunddenly finish.
Words can not catch a story that we want to describe.

For this short ! i just !
Say Hallo to you
and hope you enjoy ,free and grow up !
Ciao !

Monday, May 26, 2008

Thai Heart !


"Thais love peace but in war,we don't fear"
Thai National song

Wednesday, May 07, 2008

Sunday, April 27, 2008

Nameless Article 1


นับครั้งไม่ถ้วนที่ข้าพเจ้ามีเวลาอย่างเหลือเฟือในการอยู่คนเดียว
การอยู่คนเดียวนานๆ ในมุมหนึ่ง ทำให้เราเหงาอย่างยิ่ง
และความเหงาก็มักเรียกร้องกระจกสำหรับส่องใบหน้าแห่งการดำรงอยู่
อย่างสม่ำเสมอ

แต่สรรพสิ่งย่อมมีสองด้านหรือมากกว่านั้น
การอยู่คนเดียวนานๆก็ทำให้เราได้มีเวลาครุ่นคิด
และตกผลึกอะไรบางอย่าง

ข้าพเจ้าจำได้ว่า หลายครั้งที่ข้าพเจ้าสั่นไหว
ดุจดั่งต้นไม้โยกคลอนถอนต้นด้วยลมพายุ
ข้าพเจ้ารู้จักรสชาติของมันมาตั้งแต่เด็ก

และตามกำลังสติปัญญาที่มีในแต่ละขณะ
ก็ส่องทางดิ้นรนเพื่อให้เรารอด

ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนที่ไม่ยอมแพ้
หน้าที่แรกสุด คือ ค้นหาวิธีทำอย่างไรให้ตนเองรอด

ในยุคสมัย สังคมได้สร้างกลวิธีมากมาย
สร้างที่พักและเปลือกป้ายมากมาย
ให้มนุษย์ได้สัญจรนอนพัก

บางคนหมกหมุ่นอยู่กับความสวยความงามแห่งเรือนร่าง
เกาะกุมสิ่งเหล่านั้นเอาไว้
เพราะถ้าไม่มีชีวิตมันก็แสนว่างเปล่า

บางคนไขว้ขว้าหากิจกรรมนานาเพื่อทุ่มเทโลกแห่งแสงสี
เข้าสู่ประสาทสัมผัส เพื่อบรรเทา ความว่างเปล่าเวิ้งว้าง
อันไม่มีที่สิ้นสุด

บางคนพึงใจอยู่กับเพศรสที่หนาแน่น
เสพความสุขผ่านประสาทสัมผัสนานา

บางคนบำบัดมันด้วยการจับจ่ายสรรพสินค้า
เสื้อผ้าแพรพรรณ น้ำหอม อัญมณี
ไวน์รสเลิศ

บางคนยึดเอาเปลือกป้ายปริญญามาก่ายกอดไว้จนแน่น
แต่แท้จริง คือ การปกปิดหัวใจดวงร้าว ที่ไร้หลักแหล่งแห่งนอน

เรา มนุษย์ล้วนเป็นผู้ชำนาญการในการเอาตัวรอด
ทั้งทางกาย
และโดยเฉพาะทางจิต
แท้จริงแล้วเราช่างเปล่าเปลื่อยและน่าเวทนายิ่ง
เราต่างช่วงใช้ซึ่งกันและกัน
เราหาซื้อวัตถุสิ่งครอง
ยึดถือการศึกษา ปริญญา
ยึดถือ อุดมการณ์ความคิด
เราสร้างระบบต่างๆ ขึ้นบน ความโลภ
เราขับเคลื่อน เสพ และซึมกำซาบไปกับมัน
ผ่านปราสาทสัมผัสและหัวใจอันตื้น ตัน

ชีวิตเมื่อขับเคลื่อนผ่านการเวลา
บางครั้งมันก็มีตะกอนนอนก้นอยู่มากเกินไป
จนเราไม่อาจไหลริน
และเมื่อวันหนึ่ง เรายินดีที่จะเดินตามโลกอย่างว่าง่าย
เราปวดร้าว แต่เราก็ไม่อาจขัดขืน
เราสิ้นแรง และเรายอมแพ้

เราเกิดและโตทางร่างกายและแน่นอน
ร่างกายของเรามีวันหมดอายุและเราเรียกมันผิดๆว่าความตาย

แต่ดวงวิญญาณของเราเหล่าพี่น้อง
ดวงวิญญาณที่ผลักดันเราเข้าสู่แถวเชิงตะกอน
เชิงตะกอนที่ผลาญเผาวิญญาณเราให้เกรียมไหม้

เราเกิดมาด้วยจิตใจพิสุทธิ์
แล้วหลังจากนั้น ครอบครัวก็จับเราเอาไป
โรงเรียนจับเราเอาไป
ในวันวัยหนุ่มสาว เราอาจดิ้นขืนขัดบางเล็กน้อย
แต่ในที่สุดเราก็ยอมแพ้กับความเลวทรามของสังคม

เรายินยอมลงหลักปักแหล่ง
แต่งงาน ร่วมเพศ และคลอดลูก
ลูกที่ออกมา ซึ่งมีอนาคตไม่ต่างจากเรา
และวันหนึ่งภารกิจต่างๆก็โถมทัยบดขยี้เรา
จนโงหัวไม่ขึ้น

ดุจเดียวกับปลาตัวเล็กที่ว่ายวนอยู่ในตะกอนนอนก้น
ลึกเข้าไปในหุบเหวหัวใจ

และเมื่อวันนึงมาถึง ความตายซากของจิตวิญญาณ
ก็จบลงด้วยความตายของร่างกาย
แต่เราก็ไม่รู้แน่ชัดว่า
วาระแห่งจิตวิญญาณมันจบลงหรือยัง

หากทุกอย่างหมุนเปลี่ยนดุจเดียวกับกระแสวารี
ที่ระเหยเหิดสู่ท้องฟ้าและกลับลงมาเป็นฝน
ชีวิตก็เป็นเรื่องที่น่าขนพองไม่น้อย

การเอาตัวรอด ออกจากชีวิต จึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่
เป็นภารกิจอันเหลือล้นพ้นประมาณ
ที่เหมาะกับผู้กล้าเท่านั้น ไม่เหมาะกับผู้ยอมแพ้
และเดินตามๆกันไปสู่เชิงตะกอนทางจิตวิญาณ
...............

ข้าพเจ้านั่งมอง Isar ที่กลางนคร
กระแสวารีไหลผ่าน
บางที่ชีวิตก็เป็นดั่ง รอยขีดของกิ่งไม้
บนกระแสวารี
และกระบวนการทั้งหมดก็เกิดขึ้นในรอยขีดแห่งนั้น

บางระมันโภชนา



การหุงหาอาหารกินเองในต่างแดน ช่วยประหยัดได้เยอะ
ช่วงนี้ผมมาอาศัยเพื่อนชาวเยอรมัน Georg Schlueter
เลยต้องตอบแทนบุญคุณด้วยอาหารไทย สไตล์ระจัน

บางระมันโภชนา ไม่มีหม้อหุงข้าว
แต่เรามีวิชา หุงเช็ดน้ำครับพี่น้อง
ไม่ธรรมดานะเนี่ย ถ้าไม่เป็นคนบ้านนอกหุงไม่เป็นนะครับ
ต้องระดับไฟฟ้าเข้าไม่ถึงครับพี่น้อง



เตรียมเครื่องปรุง ซึ้อมาจากร้านไทยแถว Rosenheimplatz
วันนี้มีสามอย่าง ต้มข่าไก่แชมปิญอง กระเพราเนื้อ และไข่เจียว
เบ เบ


พระเอกวันนี้ต้มข่าไก่แชมปิญอง เรื่องคือมันไม่มีเห็ดไทย เลยเอาเห็ดฝรั่งมาใส่
เห็ดสดจริงๆ


เสร็จแล้ว !


คนระมัน การันตี อิ อิ เพื่อนมันบอกว่า อร่อย อิ อิ
ชมตามมารยาท



คนระมันบ้านนอก



เพื่อนผมกำลังทำ Thesis ดอกเตอร์ ได้ บางระมันโภชนาเข้าไป คล่องปรื้ด

..........

จบแล้ว อิ่ม
มีความสุข

........

บุญรักษา ท้องป่อง อิ อิ

Saturday, April 26, 2008

ยังแก่ไม่พอ


วันเกิดผมเพิ่งผ่านไปไม่นาน
ที่จริงแล้วในช่วงหลังๆ ผมชอบอ้างวันเกิดตัวเอง
เพื่อชวนคนไปกินเหล้ากันเยอะๆ
ก็ผมคนไทยนี่หว่า ชอบหาเทศกาลมาแอบอ้าง
อย่างก่อนมามิวนิก มีปาร์ตี้เล็กๆ ประมาณเจ็ดสิบชีวิตได้มั่ง
เมากันเรื้อน สนุกดี อิ อิ
..............

มาอายุครบสามสิบที่นี้ ฉลองด้วยการทำต้มยำกุ้งกิน
พร้อมเครื่องดืมสุดโปรด แจ็คแดเนี่ยลโค้ก

อายุสามสิบสำหรับผม ผมรู้สึกว่ายังแก่ไม่พอ

ผมอยากอายุห้าสิบไวๆ
เพราะผมว่า เมื่อคนเราอายุสักห้าสิบ
เรื่องบ้าๆหลายเรื่องน่าจะจบลงไปเยอะ

พออายุห้าสิบ ก็เลิกซ่าหาเรื่องเจ็บตัว
นอนเล่นอยู่บ้าน
ไปทำงานกลับมาดูทีวี
ถ้ามีโรคภัยก็รักษากันไป
ตายก็ฝัง ยังก็เลี้ยง

ผมอายุสามสิบแล้ว
แต่ผมรู้สึกว่ายังแก่ไม่พอ

บางที ผมอาจจะไม่รอถึงสามสิบ
หากเป็นการดี จะตายได้ก่อนที่ตัวเองจะอายุห้าสิบจริงๆ
ก็คงดี

..........

ตายก่อนตาย
น่าจะสบายกว่าตายตอนอยู่
เพราะอยู่โดยไม่ตาย
บางทีมันก็มั่วๆ
เลอะๆ
เหนื่อยๆ พิกล
.....

ชนแก้วครับพี่น้อง

Sunday, April 20, 2008

ที่รัก Again


ที่รัก ที่รัก
ในการปรากฏตัวของฉันในโลกแห่งนี้
ที่ที่เราได้พบปะสังสรรค์กันเนืองๆ
ที่ที่ฉันได้ใชระบายความเจ็บปวดร้อนหนาวในบางโอกาส
และแน่นอนที่สุดเมื่อฉันมีความสุข ฉันก็ไม่ลืมที่จะเก็บมาเล่าให้เธอฟังเช่นกัน

แม้ว่าฉันจะไม่เห็นตัวเธอ แน่นอนที่สุดฉันรู้ว่าเธอแอบอยู่ตรงนั้น
บางทีที่เธอเปิดโลกใบนี้ออกมา ฉันรู้ว่าเธอจ้องมองฉันอยู่
จ้องมองฉันในทุกขณะ และทุกความรู้สึกที่เคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง

ในโลกใบนี้เธออาจเห็นฉัน เต้นเหวี่ยงไปตามจังหวะดนตรีแห่งหัวใจ
ดนตรีที่มีวาทยากรเอกอำนวยการ ซึ่งเขามีชื่อว่าโลก
หลายครั้งที่ซิมโฟนี เปลี่ยนจังหวะไปตามวาทยากรบงการ
แน่อนที่สุด ไวโอลินในใจฉันก็เปลี่ยนผันไปตามโบยโบกของมือกร้าว

ที่รักซิมโฟนีมีมากมายหลายหมายเลข
แต่ไม่ว่าในหมายเลขใด ฉันได้บรรเลงให้เธอเห็นหมดแล้ว อย่างตรงไปตรงมา
ทุกตัวโน้ต

ที่รัก ฉันอยู่ข้างๆเธอ
ฉันขออภัยที่เข้าใกล้เธอมากเกินไป
ฉันเพียงแต่อยากกระซิบข้างๆหูว่า ฉันรักเธอทุกคน

ในโลกใบนี้ และใบอื่นๆนับล้านนับแสน
ยังมีใครหลายคนที่เธอต้องสนใจใคร่ดูแล

สำหรับฉัน หนทางเดียว คือ การเป็นอิสระจากวาทยากรนายหนึ่งนายใด

เพื่อที่ฉันจะได้กลับมาบรรเลงเพลงรักที่แสนหวาน
เยี่ยงเสรีชน

......

Monday, April 14, 2008

เล่นหิมะสงกรานต์ที่ Zugspitze


สวัสดีวันปีใหม่ไทยครับพี่น้อง
เมื่อวานวันสงกรานต์ผมเปลี่ยนแผนจากจะไป อิตาลี
มาวนอยู่ในเยอรมันต่อ โดยมีเป้าหมายที่ยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมัน
Zugspitze ! ที่เมือง Garmisch ชายแดน ออสเตรีย
ไปเล่นหิมะวันสงกรานต์ หนาวตายชัก



Zsz ออกจากมิวนิกไปไม่ไกลประมาณ ๓๐ กิโล
ระหว่างทางผ่าน Starnberg ที่ซึ่งพระเจ้าลุดวิกจมน้ำสิ้นพระชนม์
แต่ไม่ได้แวะเพราะ Starnberg เอาไว้ทริปหน้าโดยเที่ยวคู่กับปราสาท Neuschwarnstein
ที่พระเจ้าลุดวิกสร้างไว้
ในรูปเป็นเทือกเขา อัลไพน์ หรือ เทือกเขาแอลป์ ครับพี่น้อง



ทางขึ้น Zsz ขึ้นได้สองทาง คือ เคเบิ้ล กับ รถไฟ ผมเลือกไปรถไฟ Bayern ดีกว่า


บรรยากาสบนจุดชมวิวของ Zsz คนดอยช์ คนออส มาเล่นสกีกันเพียบ





บรรยากาศขากลับ วิวทิวทัศน์สวยดีเลยทีเดียว เมื่อมองลงไปข้างล่างมีทะเลสาบแสนสงบ
ชื่อว่า Eibsee อยู่ไกลๆ





ผมจบทริปนี้ด้วยการเดินทางไปเมือง Innsbruck ในออสเตรีย แต่บังเอิญกล้องถ่านหมด เลยไม่ได้ถ่ายรูปเมือง Innsbruck มาฝาก




สงกรานต์ของผมหนาวชะมัด แต่ก็สนุกดี


อย่างไรต้องขอขอบคุณ พี่แอน เจ้าของร้านอาหารไข่มุก
ที่ Sendlinger Strasse Muenchen สำหรับการเดินทางในทริปนี้ครับ

.........
ส่งท้าย ไปเที่ยวเขาแอลป์ ในเยอรมัน เที่ยวนี้
ทำให้ผมนึกถึง พี่แอ๋ว ยอดรัก สลักใจ ขึ้นมาซะงั้น
เกี่ยวไม่เนี่ย

ยังไงขอให้พี่แอ๋ว หายมะเร็งยืนยงเหมือนเทือกเขาแอลป์แล้วกัน
ว่าไปนั่น
..........
บุญรักษา ชีวาสดชื่น