Wednesday, November 25, 2009
วงจรเยอรมัน
ผมได้รับทุนการศึกษามาเรียนในเยอรมันอย่างที่เคยคาดฝันไว้ตอนเลิกคาดฝัน นี่ก็เข้าปีที่สองแล้ว
ภาษาเยอรมันเป็นภาษายาก เหมือนเรียนคณิตศาสตร์ ปัญหาของคนคิดเยอะคือไม่กล้าพูดเพราะกลัวผิด
ดังนั้นถ้าจะพูดภาษานี้อย่ากลัวผิด เพราะมันผิดแน่นอนแต่ค่อยๆแก้ไป
เรียนโทกฎหมายในเยอรมันต่างจากการเรียน ป.โทในที่อื่น คือ ที่นี่จะจับเราเรียนกฎหมายใหม่หมด
ทั้งแพ่ง อาญา มหาชน ซึ่งสำหรับผมก็สนุกดี เหมือนได้ทบทวนพื้นฐานทางนิติศาสตร์
โดยเฉพาะกฎหมายแพ่งเป็นกฎหมายที่มีเนื้อหาและศิลปะกฎหมายแฝงอยู่ภายในมากมาย
เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ตกทอดมาเป็นพันๆปีตั้งแต่สมัยโรมัน กฎหมายอาญาของเยอรมันก็สนุกดี
นักศึกษาไทยได้เปรียบเพราะเรามีอาจารย์ที่จบจากทั้งฝรั่งเศสและเยอรมัน โดยเฉพาะ ท่าน ศ.ดร.คณิต ณ นคร
ที่เขียนตำราอาญาไทยด้วยสำเนียงความคิดแบบเยอรมัน ผมเลยสบายไปเยอะ มหาชนก็สนุกดี แต่เนื่องจากเยอรมัน
เป็นสหพันธรัฐดังนั้นหลักการในแบ่งอำนาจกันของสหพันธ์ กับรัฐต่างๆจึงค่อนข้างซับซ้อน นักศึกษาที่เป็นเพื่อนต่างชาติ
ค่อนข้าง งงๆเพราะส่วนใหญ่มาจากรัฐเดี่ยว เช่นพวกยุโรปตะวันออก ละตินอเมริกา และก็จีน
คนเยอรมันเป็นคนคิดเยอะ ละเอียดถี่ถ้วน จนบางครั้งแอบเหนื่อยแทน
อย่างว่าคุณลักษณะของแต่ละชาติก็เป็นตัวกำหนดโลกทัศน์ชีวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา
ผมเคยแอบคิดว่า ถ้าผมรู้กฎหมายเยอรมันเยอะๆ ผมจะต้องวางมันไว้ข้างตัว ไม่เอามาใส่ในหัว
เพราะถ้าผมกลับเมืองไทย ผมอาจบ้าได้ เพราะแอบพกไม้บรรทัดไปตัดสินผิดที่ผิดทาง
ผมมีอาจารย์สอนมหาชน ชื่อ ดร.เอาเลเน่อ รูปร่างลักษณะเห็นแล้วนึกถึง ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ที่ผมเคารพรัก
เวลาแกถามแล้วไม่มีใครตอบได้ แกจะร้อง วู้ๆๆๆ มีใครอยู่ไหม พวกคุณอยู่ไหนกันหมด เวลาแกยิ้มหัวเราะก็น่ารักดี
เอกลักษณ์การสอนของอาจารย์ในเยอรมัน คือ พูดเร็ว พูดไม่หยุด ไม่มีช่องไฟ เหมือนรถยนต์เมอซีเดสลองติดเครื่องแล้ว
ก็เหยียบกันมิด จนกว่าจะถึงที่หมาย
ตอนนี้ผมเริ่มกำหนดทิศทางการศึกษาของตัวเอง โดยจะเน้นการศึกษาและทำวิทยานิพนธ์ทางด้านกฎหมายมหาชนทางเศรษฐกิจ
ที่เยอรมันเรียกว่า กฎหมายปกครองทางเศรษฐกิจ กฎหมายปกครองในไทยส่วนใหญ่จะเน้นกฎหมายปกครองในลักษณะที่เข้าไปจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน แต่กฎหมายปกครองทางเศรษฐกิจเน้นทางด้านการสร้างสวัสดิการ การควบคุมตลาดให้สมดุล การดำเนินกิจการของรัฐในทางเศรษฐกิจ อันที่จริงแล้วมันก็เป็นกฎหมายปกครองนั่นแหละ แต่มันเน้นกฎหมายปกครองในฐานะผู้ให้มากกว่าผู้เข้าไปจำกัดสิทธิและเสรีภาพ ตอนนี้เลยต้องมาอ่านหนังสือแนวเศรษฐศาสตร์การเมืองในเรื่องแนวคิดทางเศรษฐกิจกระแสหลัก ทั้งสำนักฮาวาร์ด ชิคาโก้ ไฟร์บวก ซึ่งกำลังครองกระแสความคิดในการกำหนดนิตินโยบายทางเศรษฐกิจทั้งในพรมแดนกฎหมายเอกชน เช่น กฎหมายการแข่งขันทางการค้า กฎหมายผูกขาด แต่ในทางมหาชน จะเน้นบทบาทของรัฐในการเข้าไปแก้ไขความบกพร่องของตลาดผ่านกลไกของรัฐ
ตอนนี้เลยต้องทำตัวเป็นทุนนิยม เพื่อเข้าใจทุนนิยม
แต่จุดยืนของผมยังไม่เปลี่ยนแปลง ครับ
มนุษย์นิยมสาย NGO เช่นเดิม
รู้เขารู้เรา ร้อยรบมิรู้พ่าย
แต่สุดท้ายก็ตายกันหมด
สุดท้ายของไว้อาลัยแด่ ลุงหมัก ที่รักของทุกคน
ลุงหมัก ลุงที่มีครบรสแห่งความเป็นคน
จงไปสู่ สุขคติ เทอญ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
5 comments:
ว้าว พึ่งรู้ว่ามีกฎหมายมหาชนทางเศรษฐกิจด้วย
นึกว่ามีแค่อำนาจรัฐ-กับนิติบุคคลซะอีก
ถ้ามีอะไรน่าสนใจมาอัพบล็อคอีกนะครับ
ตอนนี้งานที่มดทำต้องมีงานส่งออกสารเคมีให้กลุ่มบริษัทปตท.อยู่
โรงงานเค้าอยู่ที่มาบตาพุด
รู้สึกว่าเหมือนมีส่วนผิดยังงัยไม่รู้
คนที่คุยงานด้วยที่ปตท.ถามเค้าว่าให้ไปประจำที่มาบตาพุดมั้ย เค้ายังไม่อยากไปเลย แต่ก็ยังมาโวยว่าพวกชาวบ้านจะฟ้องทำไม ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว.....
แย่เนอะ
ทุนนิยม เป็นโรคหน้ามืด หลงอยู่ในความเจริญ ประสิทธิภาพ การลงทุน มันก็เหมือนหนอนยักษ์ ไปที่ไหนมันก็ไปกัดกินที่นั่น ผลิตออกมา ทิ้งขอเสีย ประเทศไทยทำตัวเป็นผู้รับการลงทุนของประเทศพัฒนา ในขณะที่ประเทศพัฒนามันไม่อยากลงทุนในบ้านมัน เพราะชาวบ้านไม่เอา
ดีใจจังเลย
ศาลสูงสุดตัดสินแล้ว
เคยอ่านที่คุณ วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์เขียนไว้
เห็นด้วยว่าชาวบ้านไม่ได้ต้องการขับไล่พวกโรงงานอุตสาหกรรมให้ออกจากพื้นที่ หรือไม่ให้ขยายโรงงานเพียงแต่ต้องการขอความเชื่อมั่นว่า ลูกหลานของเขาจะมีอากาศหายใจที่ดีขึ้น ไม่ป่วยเป็นโรคร้าย ถ้าจะมีโรงงานอะไรพวกนี้ ก็อย่าให้มีผลกระทบอะไรต่อบ้าน ลูกหลานของพวกเค้า ซึ่งควรจะเป็นสิทธิพื้นฐานที่เค้าควรมี
รู้สึกดีที่เค้าตัดสินมาอย่างนี้ครับ
กราบสวัสดีครับอาจารย์ศาสตรา
ผมยังติดตามอาจารย์อยู่เสมอครับ บางครั้งก็แสดงความคิดเห็นตามประสาผู้(รู้)น้อย
เห็นอาจารย์สบายดีก็ดีใจ เคยสนทนากับอ.รสนา บอกว่า อ.ศาสตราเป็นหนึ่งในความหวังของคนรุ่นใหม่และมาไกลมากในคนรุ่นเดียวกัน อันนี้ไม่ได้บอกด้วยเยินยอ แต่คิดว่าเมื่ออาจารย์ก้าวออกไปต่างประเทศ อยู่ไกลและเหนือสถานการณ์ บวกกับเวลาที่พิจารณาตนมากขึ้น น่าจะมองเห็นประเทศไทยและโลกชัดเจนมากกว่าก่อน และมากกว่าพวกผมที่ทำกิจกรรมอยู่ในประเทศไทยขนาดนี้มาก
จึงร่วมยินดีในความสำเร็จและความคืบหน้าของอาจารย์
จากนักศึกษาแพทย์คนเดิมครับ
ป.ล.อ่ออีกเรื่องหนึ่ง มีคนบอกผมว่าคนเยอรมันคบคนยาก แต่ถ้าคบกันแล้วเป็นเพื่อนแท้มากๆ
ไม่ทราบว่าอาจารย์คิดเห็นประการใดครับ ผมคงไม่มีโอกาสได้เรียนรู้
พี่รสนาเป็นมนุษย์ที่งดงามหาได้ยากยิ่ง
โลกนี้มีแต่คนหลง ดุจเรือยักษ์ที่ไร้หางเสือแล่นไปไม่มีทิศทาง ตามแต่เหตุปัจจัยขับเคลื่อน
บอกพี่รสด้วยถ้าเจอนะว่า อย่าฝากความหวังกับผม เพราะบางทีผมอาจมาไกลเกินไป จนไม่อยากทำอะไรมากไปกว่าการศึกษาเรื่องตนเอง
อาจารย์ก็เห็นคุณมีบทบาทอยู่นะใน ม.รังสิต ดีแล้ว มันต้องสร้างหมุดหมายให้กับคนร่นใหม่ได้เดินกันบ้าง มิเช่นนั้น การศึกษามันจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
ภารกิจเดียวที่ผมอยากกลับไปทำ คือ ชี้ทางให้นักศึกษา ได้เป็น เสขบุคคล คือผู้ที่ศึกษาหรือสิกขาอย่างแท้จริง เพื่อพัฒนาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
Post a Comment