Saturday, December 16, 2006

เชื้อราแห่งโลก


โลกมีธรรมชาติของตัวมัน จะกล่าวให้กว้างไปกว่าธรรมชาติในแง่วัตถุ ก็หนีไม่พ้นธรรมชาติในจิตใจมนุษย์
โลกทุกวันนี้ เปลี่ยนสีสันไปเป็นอันมาก และแน่นอนที่สุด ธรรมชาติในจิตใจมนุษย์ คือ กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนโลก นอกเหนือไปจากแรงเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กที่ทำให้โลกหมุนได้

จากการพิสูจน์ทดลอง ด้วยเหตุผลเชิงประจักษ์ ที่มีประสบการณ์อันไม่อาจแบ่งแยก แทนค่าได้แน่นอน ผมพบว่าโลกทุกวันนี้ถูกขับเคลื่อน ด้วยความโลภ

ความโลภ เป็นตัวสร้างศาสนาทุน ศาสนาตลาด ขึ้นมามีอิทธิพลเหนือ ศาสนาปรมัตถ์ เหนือกรอบศีลธรรม จารีตประเพณี ขนบธรรมเนียม กระทั่ง กฎหมาย

ศาสนาทุนกำลังปิดล้อมหัวใจผู้คน เพราะศาสนาทุนเข้ากันได้ดีกับธาตุแท้ที่สำคัญอันสถิตย์อยู่ในตัวมนุษย์ คือ ความโลภ ความอยาก ความใคร่ ซึ่งพุ่งผ่านเข้าออกทางประสาทสัมผัสทั้งหก ให้เราได้เสพกินกันอย่างไม่หยุดยั้ง เรียกว่า อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มหู อิ่มรสชาติ อิ่มกลิ่น อิ่มเอมอบอวลไปทั้งเรือนร่าง กระทั่งจิตใจ

เมกะ นิวยอร์ค มหาวิหารทุนยังคงขมักเขม้นผลิตชุดความคิด เขียนพระธรรมของศาสนาทุนอย่างไม่หยุดหย่อน
เหล่านักวิชาการ นักการเมือง นักการธนาคาร นักกฎหมาย นักธุรกิจ โบรกเกอร์ ทั่วโลก ยังคงพร่ำบ่นและสวดอ้อนวอนถึงพระผู้เป็นเจ้า ผ่านพิธีกรรมทางศาสนา ณ ที่วิหารของพวกเขา ทั้งใน มหาวิทยาลัย ในสภา สำนักงานกฎหมายในตึกสูงระฟ้า ในตลาดหุ้น ตลาดเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ธนาคาร ทีวี วิทยุ ระบบเครือข่ายครอบโลก โดยมีเทคโนโลยีบุญบนป้ายไฟ วิ่งกันขวักไขว้ ไปมาเพื่อบอกอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ดัชนีตลาดหุ้น ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าซื้อขายล่วงหน้า

มนุษยโลก ก็มิน้อยหน้า ในนามของสาวกแห่งตลาด เขาทั้งหลายในฐานะพลโลกผู้บริโภค ด้วยความเคารพและศรัทธาเขาต่าง ยกย่องบูชา พระผู้เป็นเจ้าของเขา ผ่านการทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อย เช้ายันค่ำ เพื่อพรจากพระเจ้า เป็นเงินตรา เพื่อซื้อหา บริขารของสาวกทุน ตั้งแต่เสื้อผ้ายี้ห้อดัง รถคันงาม บ้านหลังหรู นาฬิกาเรือนโก้ กระทั่งกอดก่ายความสุขในโรงแรมระดับห้าดาว พร้อมทั้งหลับฝันไปกับอัตราตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงในบัญชีเงินฝาก จำนวนหนี้สิน และสินค้าตัวใหม่ที่เขาต้องการ

วัยรุ่นก็มิน้อยหน้า ในนามสาวกผู้ป็นความหวัง ของศาสนจักรทุน เขาเหล่านั้นล้วนชื่นชมยินดี ที่จะสวดอ้อนวอนถึง พระผู้เป็นเจ้า โดยการเดินทางไปอย่างสมัครใจ เพื่อเข้ารีตแห่งยุคสมัย เขาต่างยึดเอาวิถีดาราบ้ากามในฮอลลีวู้ดเป็นสรณะ ยึดเพลงฮิบ ฮอป เป็นบทสวด ยึดเอาท่าเต้นของบรรดาสตาร์ทั้งหลายเป็นท่ากราบกรานต่อวิถีทุนวัฒนธรรม เขาเหล่านั้นสมัครใจที่จะเสพสังวาสกันอย่างครึกโครม โดยไม่สนใจขนบประเพณีอันเก่ากรึครึเคร่ง และเขาจะยินดียิ่งในการพัฒนาร่างกายให้มีสัดส่วนสวยงาม โดยการสมัครเป็นสมาชิกของสถานออกกำลังแบบเรียกเก็บรายเดือน หรือไม่ก็นำเงินไปซื้อยาลดความอ้วน

โลกทั้งโลกกำลังเริงโลดไปบนฟลอร์ที่มีเหล่า นักบุญทุน เป็นดีเจ มุนษย์เป็นตัวละครสำคัญที่กระโดดโลกไหลไปบนเวทีชีวิต อย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย

ศาสนาทุน จึงเป็นศาสนาหลักที่ครอบงำธรรมชาติแห่งโลก

ครอบงำ ระบอบการเมือง

ครอบงำ ระบอบการบริโภค

ครอบงำ ระบอบวัฒนธรรม

ครอบงำ ความคิด ความรู้สึก

ครอบงำแบบกินลึกลงถึงจิตใจ

มันบงการเรา ช่วงใช้เรา สิงสู่เรา เหล่ามนุษย์ มันอาจทำให้ผู้ชายลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งรถคันงามที่สุด หรือกระทั่งปลดตะขอยกทรงสตรีได้อย่างง่ายดาย

เราสามารถเข้าถึงมันได้ ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังนครเมกะแต่อย่างใด ศาสนาทุนอยู่รายรอบตัวคุณ ที่หน้าบ้าน บนเตียง ในผับบาร์ ในห้องน้ำ ในโรงแรม บนเครื่องบิน บนเสื้อผ้า กระทั่งโถปัสสาวะ

ศาสนาทุนไม่เบื้องต้น เบื้องปลาย มันสิงสู่อยู่ทุกที่ หากเพียงคุณสวดภาวนาถึงมัน ด้วยความโลภอันเปี่ยมล้นในหัวใจของคุณ พระเจ้าแห่งทุนจะมาเยี่ยมเยือนคุณอย่างง่ายดาย

................................

ผมลอง ล่องลอยออกไปที่อวกาศ และมองลงมาที่โลก ผมพบว่าโลกมนุษย์กำลังกลายเป็นเหมือน แอปเปิ้ล เน่าๆ ที่มนุษย์เกาะกินเป็นเชื้อรา ผมเลยฉุกคิดขึ้นได้ว่า บางทีธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ หรือพระเจ้าแท้ๆ อาจจงใจสร้างความโลภ ความบาป มาให้มนุษย์ เพื่อที่จะวางกำนดเวลาแห่งการสิ้นอายุขัยของตัวมนุษย์เอง และเพื่อที่จะให้โอกาสสัตว์โลกชนิดอื่นได้มาใช้ชีวิตบนแอปเปิ้ลใบเน่าต่อจากมนุษย์

ผมจึงภาวนาว่า อย่าได้เกิดเป็นสัตว์โลกต่อจากยุคของมนุษย์อีกเลย

คิดได้ดังนี้ จึงโล่งสบายในจิตใจ

ก่อนร่อนไหลลงในสังคมมนุษย์ เชื้อราหย่อมเล็กๆ ในมหาจักรวาล

..............

บุญรักษา เชื้อราสดชื่น

5 comments:

Anonymous said...

สวัสดีครับ

ก่อนอื่นเลยขอความกรุณา ขอเรียกว่าอาจารย์นะครับ

ผมเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตครับ

เดิมทีผมได้ยินชื่อ อาจารย์ศาสตรา โตอ่อนมานานแล้วครับ

ผมเองได้ติดตามข่าวสารทางด้านการเมือง สังคม มาโดยตลอดครับ ได้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองหลายครั้ง ในรูปแบบต่างๆ การชุมนุม การเขียนบทความ ฯลฯ
แม้ว่าจะแบ่งเวลาลำบาก แต่ก็ติดตามมาโดยตลอด ทำให้ได้รู้อะไรและรู้จักคนมากขึ้น

โลกเราเคลื่อนไปด้วยทุนนิยม และวัยรุ่น นักศึกษาสมัยนี้ไม่สนใจอะไรมากครับ สนใจเพียงสิ่งที่เกิดจากการโฆษณาตามกระแสทุนไปวันวัน ความสุขส่วนตน

การเมืองการปกครอง ใครได้ ประชาชนเสีย ไม่เคยใส่ใจ ใช้เงินคุณพ่อคุณแม่ไปวันๆหนึ่ง โดยหารู้ไม่ว่าภาษีของพ่อแม่ตนส่วนหนึ่งกลับถูกนำไปใช้อะไรบ้าง ไม่เคยทราบ และไม่เคยอยากจะทราบ

ผมเพิ่งได้มาค้นพบ blog ของอาจารย์น่ะครับก็เลยขอฝากตัว เผื่อว่าจะมาเยี่ยมบ่อยๆครับ

แม้ว่าผมจะไม่ได้เรียนกับอาจารย์ และเรียนแพทย์ด้วยเหตุผลส่วนตน แต่จริงๆผมชอบวิชาแนวสังคมศาสตร์ และจริยศาสตร์ ตรรกศาสตร์ มากครับ

ขอฝากตัวล่วงหน้า ขอเป็นลูกศิษย์ศึกษาบทความ และความรู้หลายๆอย่างจากอาจารย์นะครับ

นายชเนษฎ์ ศรีสุโข
นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2

Anonymous said...

อีกเรื่องครับ ขอแสดงความยินดีเรื่องศาลปกครองสูงสุดด้วยนะครับ

Gelgloog said...

ผมเองต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าไม่ใช่คนหัว radical อะไรมากมายนัก

และกระแสทุนเองก็คงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธได้ยาก มันกลายเป็นกลจักรสำคัญในการหมุนโลกไปซะแล้ว ส่วนจะไปทางไหนนั้นก็นะ เดาเอาเอง 5555

ประเด็นสำคัญคงอยู่ที่เราเท่าทันมันขนาดไหน รู้ทันมันขนาดไหน โดนมันครอบงำมากขนาดไหน บูชามันมากขนาดไหน เป็นคำถาม basic ซึ่งเป็นคำถาม basic ที่ตอบโคตรยาก

ละก็อยากจะย้ำเหมือนเดิมว่า เราหนะมีชีวิต แต่ทุนหนะไม่มีชีวิต แต่ที่เจ๋งคือมีเสือกสะสมและเติบโตได้ มันไม่มีชีวิตดังนั้นมันก็ไม่มีหัวใจ หน้าที่มันก็คือ สะสม สะสม สะสม ขูดรีด ขูดรีด ขูดรีด

ถ้าจะให้เดา direction มันก็คงจะสะสม กัดกินไปเรื่อยจนไม่มีอะไรให้ทำนั่นแหละ ทุกอย่างจึงเอวัง

ขออย่าให้อยู่ถึงวันนั้นเลยละกันนะ อิอิ

crazycloud said...

ปัญหาที่น่ากลัว และรอเขมือบประเทศไทยอยู่ คือ ปัญหาการขาดแคลนอาหาร

ระบบสิทธิบัตร คือ นวัตกรรมอำนาจที่เขียนขึ้นเพื่อปูทางให้ ตะวันตก รักษาความมั่งคั่งของตนเองไว้ต่อไป

สิทธิบัตร อาหาร จะนำไปสู่ อำนาจเหนืออาหารของโลกในภายหน้า

อย่าลืมว่า สูสุดคืนสู่สามัญ มนุษย์แม้จะไปถงดวงจันทร์ก็ต้องกินข้าว

สังเกต กรณีศึกษา การขโมย พืชพันธ์ กรรมวิธีบ่อมเพาะ ให้ดี นี่คือ แผขั้นต่อไปในการล่าอาณานิคมอันน่ากลัว

เมื่อถึงเวลานั้น อเมริกาจะส่งกองกำลังเข้ารักษาฐานอาหารบนพื้นที่ทั่วโลก

อนิจจาประเทศทาสชาติไทยผู้มืดบอด

Gelgloog said...

พูดถึงเรื่องสิทธิบัตรขึ้นมาแล้วก็มีประเด็นอยากคุยกับคุณเมฆฯ ขึ้นมาเสียหน่อย

เห็นด้วยนะว่าทางฝั่งตะวันตกมันปูทางกับเรื่องนี้มากมาย และหยิบยกเอาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบติขึ้นมาชูธงกันเลยว่ามันเป็นเรื่องของอาชญากรรม ว่าไปนั่น

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นลิขสิทธิ์พวกหนัง เพลง ถ้าจะมองในทาง ศศ จริงๆสินค้าพวกนี้มันมีลักษณะพิเศษนะ คือมันจะออกแนว public good หน่อย อารมณ์ประมาณว่าถงมีคนอื่นแชร์ปัญญาที่คุณคิดไปแล้วเนี่ย คุณก็ไม่ได้โง่ลง หรือเพลง หนัง มันก็ไม่ได้หายไป ดังนั้นแล้วการละเมิดลิขสิทธิ์นี่มันเป็นการกระทำอาชญากรรมเลยดังนั้นหรือ?? สำหรับผมคงไม่ มันก็คงเป็นแค่การละเมิดเท่านั้น (หละมั๊ง)

แต่ก็คงไม่เห็นด้วยกับการขโมยความคิดคนอื่นไป แต่ก็ไม่เห็นด้วยอีกกับการที่ไปด่าว่าการกระทำดังกล่าวเป็นอาชญากรรมเหมือนที่โฆษณาที่ฝรั่งมันชอบชูสโลแกนนี้ประจำ

ส่วนเรื่องสิทธิบัตรนี่ก็อันตรายเหมือนกัน ผมว่าเราต้องผลักดันให้เป็นวาระระดับชาติไปเลยนะ เอากันให้แน่ว่าอะไรจดสิทธิบัตรได้ อะไรจดไม่ได้ ไม่ใช่เอะอะ จดดะ จดไปแล้วคนส่วนใหญ่ของโลกเดือดร้อน บรรษัทยักษ์ใหญ่โกย อันนี้มันชักจะไม่แนวเข้าไปแล้ว โดยเฉพาะสินค้าที่มันมี externalities ในทางบวกเนีย ยิ่งถ้าเราไปกั๊กมัน มันก็ยิ่งทำให้สวัสดิการโดยรวมมันแย่ลงเข้าไปใหญ่

อ้อ แพล่มซะนาน ลืมถาม คือผมอยากจะทราบว่า ผมพอเข้าใจถูกมั๊ยระหว่าง การ "ละเมิด" กับ "อาชญากรรม" หรือเข้าใจผิดก็ช่วยแถลงไขด้วย คือารมณ์ไม่อยากคิดเอง (เออเอง) ไปแบบผิดหวะท่าน

ขอบคุณล่วงหน้า และขอลา