Tuesday, November 21, 2006

“จับตาขบวนการปล้นชาติ ปล้นโครงข่ายโทรคมนาคมไทย"


กราบเรียนพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ


สถานการณ์บ้านเมืองกำลังอยู่ในวาระแห่งการปฏิรูปการเมือง ซึ่งจุดเริ่มต้นสำคัญในการปฏิรูปการเมืองอยู่ที่การสร้างระบบกลไกที่มีประสิทธิภาพในการกวาดล้างการทุจริตคอรัปชั่น และ ขจัดการแทรกแซงองค์กรอิสระ โดยการนำเสนอวาระดังกล่าวให้ปรากฏสู่สาธารณะมาอย่างต่อเนื่อง เครือข่ายสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง มีความวิตกห่วงใยยิ่ง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความพยายามของกลุ่มทุนโทรคมนาคมที่จะเข้ามายึดโครงข่ายโทรคมนาคม สมบัติของชาติที่ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการลงทุนมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่ง กทช. กลับมองไม่เห็นความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น กลับเร่งรัดผลักดันให้มีการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม IC (Interconnection) ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ เพื่อใช้อ้างเป็นเหตุผลที่จะไม่จ่ายค่าเชื่อมโครงข่ายตามสัญญาสัมปทาน โดยมีรายละเอียดคือ

ความย้อนถึง สมัยแห่งการปฏิรูปประเทศ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่พระองค์ได้ทรงดำเนินรัฐประศาสนโยบายในการนำพาประเทศชาติ ประชาชน ให้รอดพ้นจากภัยคุมคามของลัทธิจักรวรรดินิยม โดยการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดินให้มีความทันสมัยทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ จนนำพาสยามรอดพ้นจากการตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติได้นั้น คุณูปการที่พระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงพระราชทานไว้แก่ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย มีความกว้างขวางครอบคลุมกิจการของประเทศสยามในหลายมิติ ทั้งมิติทางการเมือง การปกครอง การบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูปกฎหมาย ตลอดจนการปฏิรูประบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ จนประชาชนชาวไทยได้มีความอยู่ดี กินดี ตลอดมา

กล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กิจการสื่อสาร กิจการโทรคมนาคม พระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงมีบทบาทในการวางรากฐานการสื่อสารของประเทศนับเนื่องแต่รัชสมัยของพระองค์ กระทั่งในกาลต่อมา กิจการสื่อสารและโทรคมนามคมได้รับการพัฒนาจนเจริญรุดหน้าขึ้นเป็นกิจการที่มีความทันสมัย โดยอาศัยโครงข่ายโทรคมนาคมที่กว้างขวางครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เป็นฐานทางเทคโนโลยีที่สำคัญ อันประชาชน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้าง และสงวนไว้ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ทั้งเพื่อการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคง และประโยชน์สาธารณะ โครงข่ายโทรคมนาคมจึงถือเป็นสมบัติชาติที่ถักทอระบบการสื่อสารของชาติให้มีความก้าวหน้ามาเนิ่นนานนับร้อยปี

แต่แล้ว เมื่อพิจารณาสถานการณ์ของประเทศไทยในยุคโลกาภิวัตน์ ที่แสนยานุภาพของการยึดครองแปรเปลี่ยนจาก “อำนาจของเรือปืน” ไปเป็น “อำนาจทุน” จะพบว่า สถานการณ์ของประเทศไทยตกอยู่ในภาวะที่อันตรายยิ่ง ทั้งนี้เนื่องจากได้ปรากฏพฤติกรรมของกลุ่มทุนโทรคมนาคม ที่ได้ใช้ “อำนาจทุน” เข้าลิดรอนผลประโยชน์ของชาติในกิจการโทรคมนาคม กระทั่งกำเริบเสิบสานจนมีการใช้อำนาจทุนเพื่อเข้าสู่อำนาจทางการเมืองในทุกรูปแบบ ไม่เลือกว่าจะเป็นยุคของ “ระบอบทักษิณ” หรือ “รัฐบาลชั่วคราว” เข้าคุมบังเหียนในการกำหนดกติกาโทรคมนามค อันเป็นการใช้อำนาจทางกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้เกิดการแย่งยึดโครงข่ายโทรคมนาคมอันเป็นสมบัติชาติไปเป็นของตนเอง

สถานการณ์ที่อันตรายยิ่งดังกล่าว ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดผ่านพฤติกรรมของกลุ่มบุคคล ดังนี้

๑.การผิดนัดไม่ชำระราคาการใช้โครงข่ายตามสัญญาโดยไม่มีเหตุผลสมควร
สัญญาที่เกี่ยวข้องกับกิจการโทรคมนาคมอันเอกชนได้ทำกับรัฐนั้น โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายเป็นสัญญาที่มีขึ้นเพื่อจัดตั้งและดำเนินบริการสาธารณะ เพื่อการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคงของชาติ ผลประโยชน์สาธารณะ โดยเสรีและเป็นธรรม ซึ่งบรรดาสัญญาต่างๆได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายบ้านเมือง ทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.๒๕๔๔ และพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.๒๕๔๒ ซึ่งทำให้สัญญาต่างๆยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าอายุสัญญาจะสิ้นสุดลง ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีเหตุผลใดที่กลุ่มทุนจะสามารถกล่าวอ้างไม่ปฏิบัติการตามสัญญาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผิดนัดไม่ชำระราคาการใช้โครงข่ายกิจการโทรคมนาคมอันเป็นสัญญาที่กลุ่มทุนโทรคมนาคมมีข้อผูกพันในการชำระราคากับรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจในการจัดทำบริการสาธารณะ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน จนเป็นเหตุทำให้รัฐสูญเสียรายได้ที่จะนำไปพัฒนาประเทศเป็นจำนวนมากมายมหาศาล พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการลิดรอนส่วนอันพึงมีพึงได้ของประเทศชาติ ที่สังคมทุกภาคส่วนควรเฝ้าจับตาเป็นประการแรก

๒.การออกประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนโทรคมนาคม กฎหมายการประกอบกิจการโทรคมนาคม อนุญาตแต่เฉพาะผู้รับใบอนุญาตที่มีโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นของตนเองเท่านั้นที่จะสามารถทำการเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคมของตนเองเข้ากับผู้รับใบอนุญาตที่มีโครงข่ายโทรคมนาคมรายอื่น การที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติได้ออกประกาศกำหนดให้ กลุ่มทุนโทรคมนาคม ที่มีฐานะเป็นเพียงคู่สัญญาสัมปทานสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายกิจการโทรคมนาคมได้นั้น จึงเป็นการออกกฎเกณฑ์ที่อยู่นอกเหนืออำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีลักษณะการออกกฎเกณฑ์เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนโทรคมนาคมได้เชื่อมโยงโครงข่ายฯทั้งที่ตนไม่มีสิทธิ เป็นการออกกฎเกณฑ์ที่ไม่มีความเป็นธรรมเนื่องจาก กลุ่มทุนโทรคมนาคมไม่มีโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นของตนเอง แต่โครงข่ายที่ครอบครองอยู่ล้วนเป็นสมบัติของชาติที่กลุ่มทุนจะต้องโอนให้กับรัฐวิสาหกิจตามสัญญาแบบ BTO (สร้าง โอน บริหาร) เป็นการออกกฎเกณฑ์ให้กลุ่มทุนโทรคมนาคมใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ชำระราคาการใช้โครงข่ายตามสัญญาโดยไม่มีเหตุผลสมควร และประการสำคัญที่สุด เป็นการออกกฎเกณฑ์เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนโทรคมนาคมเข้าแย่งยึดโครงข่ายโทรคมนาคมอันเป็นสมบัติชาติไปเป็นของตนเอง

๓.การใช้ความพยายามในการเข้ายึดโครงข่ายกิจการโทรคมนาคมของชาติโดยฝีมือของกลุ่มทุนโทรคมนาคม
กลุ่มทุนโทรคมนาคมได้ทำการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมที่ตนครอบครองอยู่โดยไม่มีสิทธิ โดยอ้างเหตุผลตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง การใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม ที่บัญญัติมาเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนโทรคมนาคม ทั้งนี้เนื่องจากตามกฎหมายการประกอบกิจการโทรคมนาคมนั้น อนุญาตให้เฉพาะ ในระหว่างผู้รับใบอนุญาตที่มีโครงข่ายเป็นของตนเองเท่านั้นที่สามารถทำการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมของตนเองเข้าด้วยกัน แต่กรณีดังกล่าวโครงข่ายโทรคมนาคมที่กลุ่มทุนโทรคมานคมทำการใช้และเชื่อมต่อนั้นไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่มทุนโทรคมนาคมแต่ประการใด แต่แท้จริงแล้ว โครงข่ายโทรคมนาคมดังกล่าวเป็นสมบัติของรัฐวิสาหกิจตามผลของสัญญาแบบ BTO (สร้าง โอน บริหาร) จึงหาได้เป็นโครงข่ายโทรคมนาคมของกลุ่มทุนโทรคมนาคมแต่ประการใด พฤติกรรมดังกล่าวจึง เป็นการละเมิดต่อกฎหมายการประกอบกิจการโทรคมนาคม เป็นการละเมิดต่อสัญญา BTO และเป็นการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมในการเข้าแย่งยึดโครงข่ายโทรคมนาคมที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานมาเป็นของตนเอง

พฤติกรรมทั้งสามประการดังกล่าวถือเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อโครงข่ายโทรคมนาคมไทย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕และประชาชนชาวไทยทุกคน ทั้งที่เสียชีวิตไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ ได้ร่วมกันสร้างบ้านแปงเมือง พัฒนา ถักทอ โครงข่ายกิจการโทรคมนาคมจนเจริญรุดหน้าตราบจนถึงปัจจุบัน

เครือข่ายสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง จึงขอฝากความวิงวอนไปยัง ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ รัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ได้โปรดพิจารณาตรวจสอบและดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่ของตน เพื่อขจัดภัยคุกคามต่อโครงข่ายกิจการโทรคมนาคม ซึ่งเป็นสมบัติของชาติต่อไป

ทั้งนี้ฝากคำวิงวอนถึง ประชาชนทุกหมู่เหล่าในการสร้างเสริมหลักการเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยการลดการใช้บริการในรูปแบบต่างๆของกลุ่มทุนโทรคมนาคม และแสดงออกซึ่งความเป็นเจ้าของสมบัติของชาติ และขอเรียกร้องให้ กทช.พิจารณาใคร่ครวญวิถีชีวิตของตนเองว่าจะทำหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะตามอาณัติที่กฎหมายให้ไว้ หรือ จะยอมรับกระบวนการพิจารณาคดีตามกฎหมายทุกรูปแบบ ที่ไม่ต่างจาก กกต.

เจริญ คัมภีรภาพ
บรรเจิด สิงคะเนติ
คมสันต์ โพธิ์คง
ศาสตรา โตอ่อน

เครือข่ายสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง

24 comments:

Gelgloog said...

สำหรับประเด็นนี้ผมเองก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามขอขอบคุณมากที่ได้มานำเสนอให้รับรู้กัน

ว่าแต่ รูปที่เอาลงหนะ ผมก๊อปเก็บไว้แล้วนะจะบอกให้ เอิ๊กๆๆ

crazycloud said...

นิติรัฐ ในมุมหนึ่ง คือ กฎหมายในกรอบ รัฐ
นิติโลก ในมุมหนึ่ง คือ การRule รัฐ รอดรัฐ ไร้รัฐ

ผมอาจจะล้าหลังกว่าใครหลายคนในบล็อกนี้ ที่ยังเห็นประโยชน์ของรัฐกระมัง

ผมอาจจะล้าสมัยที่มีแนวคิดแบบเนชั่นนัลไลเซชั่น

ผมทำทีซิสเรื่อง แปรรูปฯเพื่อจะรู้จักความชั่วร้ายของมัน

การจะปกป้องนิติรัฐ จากนิติโลก ที่ขับเคลื่อนโดยทุนโลก คือ ภารกิจที่ผมเห็นและทำ

ผมไม่ได้ใส่ใจกับการรัฐประหาร หรือ จะไล่ทักษิณอย่างเดียว

เพราะภารกิจสำคัญ คือ การรักษาค่าย คู ประตู รบ ทางกฎหมาย ที่ไม่ได้มีเพียงหลักการให้สัมภวเวสีวิชาการ มายกอ้างแบบไร้เดียงสา

ผมคงทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก

ความรู้สึกเมื่อศาลปกครองรับคดีผม คือ ดีใจนิดๆ

แต่รู้สึก ขนลุกด้วยความหวาดกลัว ว่านี่กูหรือวะ ที่ออกมายืนในแนวรบนี้ แล้วนักกฎหมาย ปัญญาชนสยาม กำ
ลังทำอะไรกันอยู่

นี่ คือเหตุผล แห่งความบ้ามหาศาลของข้าพเจ้า

นิติรัฐ ที่น่ารัก เธอจงอยู่ดีมีสุขนะ ข้าพเจ้าจะอาสารบกับ นิติโลก และนักกฎหมายชั่วๆที่เปิดปะรตูให้ทุนโลกมาชำเราเธอ ฉันจะคอยเลียแผลใจให้เธอ

นิติรัฐ ที่น่ารัก ไฟจะไหม้เธออยู่แล้ว ในขณะที่ฉันติดพันกับควันไฟอยู่ นอกจากเอากระป๋อง เขวี่ยงหัวกบาลเธอและเพื่อน ให้ตื่นเสียที่

crazycloud said...

หากไร้รัฐ ประชาธิปไตย ก็เพียงคำหวานของปีศาจ

ท่านเคยเห็นรัฐธรรมนูญ มอญ ไหม
ท่านเคยเห็นรัฐธรรมนูญ เคอช ไหม
ถ้าไม่มีสงครามโลก จนต้องหาที่ให้ ยิว เราคงไม่เห็น รธน อิสราเอล

อินเดียแดง ไม่มีรัฐธรรมนูญ
อะบอริจิ้น ไม่มีรัฐธรรมนูญ

ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย ในสายลม

Anonymous said...

"หม่อมอุ๋ย" ยืนยันไม่รื้อสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 พฤศจิกายน 2549 11:16 น.


ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หาทางแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องการจัดเก็บค่าเชื่อมโยงเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่างผู้ประกอบการ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2549 โดยจะไม่มีการแก้สัญญาสัมปทาน พร้อมยอมรับว่า เป็นเรื่องยาก ซึ่งแนวทางที่ดำเนินการจะไม่กระทบต่อรายได้ของบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) และภาคเอกชน ภายใต้เงื่อนไขจะไม่รื้อสัญญาสัมปทาน

Anonymous said...

"หม่อมอุ๋ย" ยืนยันไม่รื้อสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 พฤศจิกายน 2549 11:16 น.


ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หาทางแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องการจัดเก็บค่าเชื่อมโยงเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่างผู้ประกอบการ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2549 โดยจะไม่มีการแก้สัญญาสัมปทาน พร้อมยอมรับว่า เป็นเรื่องยาก ซึ่งแนวทางที่ดำเนินการจะไม่กระทบต่อรายได้ของบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) และภาคเอกชน ภายใต้เงื่อนไขจะไม่รื้อสัญญาสัมปทาน

อ่านซะไอ้พวกนักวิชาการจอม "เพ้อเจ้อ" ทั้งหลาย พวกคุณรู้บ้างมั้ยว่าการจะยกเลิกอะไร จะเกิดผลกระทบกับประเทศระยะยาวยังไง โคตรไร้สาระ(พวกนักวิชาการที่พื้นความรู้ไม่แน่น อย่าให้สาธยายเลยว่าแต่ละคนจบจากที่ไหนมา 555)

Anonymous said...

ไม่เข้าใจอะ ทำไมเป็นรูป DTAC จะสื่อว่าหมายถึง DTAC หรือว่า พูดทั่วๆ ไปแล้วเอารูปมาติดจี๊บๆ เฉยๆ

Anonymous said...

"นิติรัฐ ในมุมหนึ่ง คือ กฎหมายในกรอบ รัฐ
นิติโลก ในมุมหนึ่ง คือ การRule รัฐ รอดรัฐ ไร้รัฐ

ผมอาจจะล้าหลังกว่าใครหลายคนในบล็อกนี้ ที่ยังเห็นประโยชน์ของรัฐกระมัง

ผมอาจจะล้าสมัยที่มีแนวคิดแบบเนชั่นนัลไลเซชั่น"

- ใครๆ เขาก็คิดแบบเอ็งได้ บางคนเขาทำแต่ไม่พูดอะไรมาก ก็เยอะไป แต่นี่บล็อกเอ็งอะเนอะ...ไม่ว่ากัน

"ผมทำทีซิสเรื่อง แปรรูปฯเพื่อจะรู้จักความชั่วร้ายของมัน"
- โม้ชิปหาย ไปฟังโวหารใครเค้ามาละท่าน

"การจะปกป้องนิติรัฐ จากนิติโลก ที่ขับเคลื่อนโดยทุน โลก คือ ภารกิจที่ผมเห็นและทำ"
- สู้เค้าไอ้มดแดง

"ผมไม่ได้ใส่ใจกับการรัฐประหาร หรือ จะไล่ทักษิณอย่างเดียว"
- .. แต่ผมใส่ใจกับความดังมากกว่า

เพราะภารกิจสำคัญ คือ การรักษาค่าย คู ประตู รบ ทางกฎหมาย ที่ไม่ได้มีเพียงหลักการให้สัมภวเวสีวิชาการ มายกอ้างแบบไร้เดียงสา
- อะไรคือสัมภวเวสี ? หรือถ้าจะหมายถึงสัมภะวสี ทำไมต้องดูแคลนคนอื่นขนาดนั้นด้วย ตัวเองวิเศษยังไงถึงมาผูกขาดความเปน ฮีโร่มัยซิน ขอดังด้วยคนดิพี่

"ผมคงทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก"
- อย่าทำมากกว่านี้เลย คุณพี่ขอร้อง

"ความรู้สึกเมื่อศาลปกครองรับคดีผม คือ ดีใจนิดๆ"
- โม้อีกแล้ว.. เท่ห์ชิปหาย

"แต่รู้สึก ขนลุกด้วยความหวาดกลัว ว่านี่กูหรือวะ ที่ออกมายืนในแนวรบนี้ แล้วนักกฎหมาย ปัญญาชนสยาม กำ
ลังทำอะไรกันอยู่"
- สุดๆ ของความเทห์ ดูละครเรื่องอะไรมาหรือเพ่ ?

นี่ คือเหตุผล แห่งความบ้ามหาศาลของข้าพเจ้า
- เหตุผลทุกคนมี แต่ไม่ต้องเทห์ขนาดนี้ก็ได้

"นิติรัฐ ที่น่ารัก เธอจงอยู่ดีมีสุขนะ ข้าพเจ้าจะอาสารบกับ นิติโลก และนักกฎหมายชั่วๆที่เปิดปะรตูให้ทุนโลกมาชำเราเธอ ฉันจะคอยเลียแผลใจให้เธอ

นิติรัฐ ที่น่ารัก ไฟจะไหม้เธออยู่แล้ว ในขณะที่ฉันติดพันกับควันไฟอยู่ นอกจากเอากระป๋อง เขวี่ยงหัวกบาลเธอและเพื่อน ให้ตื่นเสียที่"
- พี่น่ะแหละ ตื่นเสียที

อ่านบทความยังไม่อยากด่า เห็นว่าตั้งใจดี ความคิดต่างไม่ผิด ถึงจะเพ้อเจ้อ ก็ยังไม่ผิด แต่อ่านคอมเมนต์ ของเจ้าตัวแล้วตะหงิดๆ กูอ่านบทความของคนบ้าตั้งนานสองสามนานเหรอเนี่ย?

ขอแนะนำให้มีความมั่นใจให้มากๆ แต่ไม่ใช่อย่างนี้ ความเก่ง ความกล้าทางจริยธรรมฝึกไม่ได้ แต่ต้องมาจากความคิดที่ดี ที่แน่ๆ ต้องไม่ลอกคำพูดมาจากหนัง ต้องไม่ผูกขาดความดี ไม่อวดวิเศษ และ ต้องไม่ดูแคลนชาวบ้าน
"สัมภวเวสีทางวิชาเกิน"

Gelgloog said...

มันมาอีกแล้วหวะ......

คือผมก็ไม่ค่อยเข้าใจอะนะ เพราะปกติแม้ผมจะไม่เชลียร์อะไรกะใครเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ค่อยขัดแย้งกับใคร

แต่แอนโนมินัสนี่มันตามหลอกหลอนดีจริงๆเลยแฮะ กลัวจะกลายเป็น comment ร้อน + หลอน จริงๆเลย

สำหรับบอกตามตรงเลย บางเรื่อง (หรือหลายๆเรื่อง )ก็ไม่ได้จะเห็นด้วยกับคุณเมฆฯ ไปเสียหมด แต่ที่ติดตาม blog เพราะชอบในสำนวนเชือดเฉือน ความคมคาย และการเป็นนักปฏิบัติตัวยง

แต่ที่ไม่ชอบคือพวกยุให้รำตำให้รั่ว แม่งรั่วดีจริงๆ ทั้งรั่วและเรื้อน สำหรับผมง่ายๆนะ ที่อยากจะเสนอให้คุณเมฆก็คือ ทำหูทวนลมไปซะมั่งก็ดี หรือลบๆแม่งทิ้งไปบ้างก็ได้ เถียงกันไปเถียงกันมาป่วยการป่าว

ทุกๆคนล้วนมีจุดยืนเป็นของตัวเอง แต่จุดยืนที่จ้องจะเรื้อนกับชาวบ้านนี่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยมากๆ

ว่าแล้วไปดูเป็นต่อดีกว่า.....

crazycloud said...

เวลาเขียนอะไรลงหนังสือพิมพ์ ก็ต้องเขียนกระชับๆ
ผมก็เขียนถึงความจริง
พวกคนจิตเปรต โมหะเหล่านี้ มันก็ต้องเห็น ดอกบัวเป็นกงจักรเป็นธรรมดา

หนอนมันกินมูตรว่ารสดีอร่อย

ส่วนที่ยกหม่อมอุ๋ยมาน่ะ ผมจะบอกว่า หม่อมอุ๋ย ถูกไอ้พวกแซ่เจีย และไอ้นอรเวย์ นอมินีมันเป้า หู ไอ้ที่ยกมาผมบอกเลยว่า มันหลวมมาก

สำหรับนักกฎหมายนั้น ถ้าไม่ศึกษาข้อมูล มันก็ไม่รู้กันได้หรอกคุณ ต่อให้จบดอกเตอร์ เรียนดอกเตอร์ มันก็เป็นสัมภเวสีกันได้ ถ้าไม่ศึกษา

ผมเป็นพูด ทำเฉพาะเรื่องที่รู้

เรื่องนี้ผมรู้และพูด เพราะผมได้อาจารย์ดี

อาจารย์ของผม คือ พนักงานทีโอที ผู้รักชาติรักแผ่นดิน

ถ้าไม่รู้ ก็อย่าสะเหร่อ แบบหัวหน้าแก็งพวกคุณ แบบนายนิติรัฐ มั่วตลอด

ผมล่ะเบื่อ ไอ้พวกคัดบรรทัดต่อบรรทัด เห็นแล้วนึกถึง พวกโฆษกไทยรักไทย อย่างไอ้พวกศิธา จตุพร (คิงคก)มุกเน่าๆ เอาไว้ใช้ในรายการโต้คารมมัธยมศึกษาเถอะ

ไอ้พวกฝูงเปรต ซากเน่า

ขออภัยคุณ เกลกลูก ผมไม่สามารถทำหูทวนลมได้

เพราะผม คือ เมฆบ้า เสรีชนชอบปราบเปรต

ส่วนข้อหาอยากดัง นั้น ก็แล้วแต่จะคิด ผมสนใจการกระทำมากกว่า ส่วนความดัง มันก็เป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นโลกียะวิสัยที่ต้องเกิดขึ้น

นายนิติรัฐ นายปกป้อง นายสมเกียรติ นายวรเจตน์ พวกนี้คุณว่าอยากดังไหม ผมว่า ไม่นะ ฮา ฮา

crazycloud said...

อีกคำนึงที่ผมฟังแล้วสังเวช

คือ นักวิชาการพวกนี้ไปสืบดูก็รู้ว่าจบมาจากไหน

ตื้นเขิน ตื้นเขิน

อ.บรรเจิด อ.เจริญ จบ ตรี ราม แล้วไง รามไม่ดียังไง ทำไมต้องไปดูถูกราด้วย ส่วนผม จบ ธรรมศาสตร์ อ.คมสันต์ จบจุฬา แล้วไงวัดอะไรได้ไหม

ป.โท ผมกับ อ.บรรเจิด จบธรรมศาสตร์ อ.คมสันต์ อ.เจริญ จบจุฬาแล้วไง

เนติบัณฑิต ผมกับ อ.บรรเจิด จบเน ถ้าผมยกเอาเปรียบกับคนอื่นผมก็ยกได้ แต่ผมไม่ยก เพราะมันปัญญาอ่อน

ป.เอก อ.บรรเจิด จบ โบคุ่ม อ.เจริญ จาก อีราสมุส เนเธอแลนด์ แล้วไง หนักหัวกบาลใครวะ

อ.เจริญ เคยเป็น อ.นิติจุฬา ปัจจุบันเป็นรองอธิการ ศิลปากร เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม FTA WATCH

อ.บรรเจิด เคยอยู่ NGO กฤษฎีกา ศาลปกครอง แล้วไง หนักหัวพ่อมึงรึเปล่าวะ

อ.คมสันต์ อยู่กฤษฎีกา อยู่ กกต.ร่างฟ้องจน กกต.ติดคุก หนักหัวมึงไหมวะ

ส่วนผม เพิ่งได้ลาภมาสดๆกำลังหุงข้าวเหนียวอยู่

ผมได้ทุนไปเรียนต่อเยอรมันเรียบร้อยแล้ว แต่คิดว่าจะชะลอไปอีกสักปี เพราะมีเรื่องชาติต้องทำเยอะ หนักหัวมึงไหมวะ ไอ้ซาด

ไอ้เรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มันก็แค่โลกธรรม เฉพาะพวกหนอนซากเน่าเทนั้นแหละที่เก็ยมาวิจารณ์

ซากเน่า จริงๆ เมืองไทย เมืองทาส

crazycloud said...

ไอ้พวกด่า ผม ลองตอบมาสิ ว่า BTO คืออะไร
ACCESS CHARGE คืออะไร
IC คืออะไร
สัมปทาน คืออะไร
นอมินี ทำยังไง
หุ้นบุริมสิทธิ คืออะไร

ตอบได้ก็ตอบมา

ตอบไม่ได้ ก็หาอ่านซะ แล้วค่อยมาคุยกัน

คนไม่รู้แล้วศึกษา คือ คนมีปัญญา

คนไม่รู้แล้วเสือกด่า คือ คนโง่และเลว

น่าสังเวช น่าสังเวช

Soulseeker said...

แด่ชนชาวไร้ตัวตนหรือไม่ก็ตาม (เพราะตัวตนคนเลือกที่จะมีได้-เสรี)

มันคงเสียดทานกับจริตท่านมาก

เข้าใจ เข้าใจ

ถ้าเป็นเช่นนั้น ขออีกครั้งหนึ่งขอบิณฑบาตครับ

การเสพทุกข์คนอื่น จากการโบยตีของเรา ผมเข้าใจว่ามันคงเป็นความสุข คงเป็นความงาม มันคงเป็นิฺลปะของผองเราบ้าง

เข้าใจ เข้าใจ

เข้าใจเถอะ

Anonymous said...

เฮ้ย เพื่อนคุณเองยังไม่รู้เหรอว่า คมสันต์เขาจบตรีรามนะ

แล้วถ้าคุณว่า ราม ไม่ดีตรงไหน แล้วคุณเอ็นท์เข้าธรรมศาสตร์ทำไมวะ 555

ไม่ใช่พวกนิติรัฐ แต่ชอบกัดคนอยากดัง (วะ) 555

Anonymous said...

อยากดัง ทำไมถึงอยากดัง

อยากดัง ทำไมถึงอยากดัง


555

Anonymous said...

ผมฝากประเทศไทยไว้กับพวกท่านทั้งสี่แล้วกันนะครับ
เพราะผมไม่เห็นใครมีความสามารถเทียบเท่าท่านทั้งสี่แล้วครับ

จะจบจากไหน ไม่สำคัญเท่ากับท่านมีความรักชาติรักแผ่นดิน กอปรทั้งมีความสามารถถึงระดับ มีข้อมูลที่ประชาชนทั่วไปตาดำตาแดงไม่รู้เช่นเห็นชาติเหมือนท่านทั้งสี่ครับ

ความรู้ ความดี อาจแสวงหากันได้ก็จริง แต่มิอาจมีใครถึงพร้อมด้วยปัญญาเหมือนท่านทั้งสี่ครับ

คณะบุคคลสี่คนที่ทั้งเก่งและมีคุณธรรมอย่างนี้ ไม่ได้เห็นมานานแล้วครับ

นาน...ตั้งแต่เรื่อง "นินจาเต่า" อวสานไปจากจอ

สู้ต่อไปนะครับ เดี๋ยวสั่งพิซซ่ามาฝาก

Anonymous said...

ยินดีด้วยนะคะพี่โต สำหรับทุนไปเรียนเยอรมัน แหม ไม่บอกพี่ๆน้องๆกันเลยนะ ผูกขาดความดียังไม่พอยังผูกขาดความลับด้วย อิอิ

อ้อ พี่โตไปอยู่เยอรมันอย่ามัวแต่กินไส้กรอกเนื้อลูกงัวจิบ เบียร์ Paulaner จนเพลินลิ้นล่ะประเดี๋ยวจะลืมรสชาติไส้อั่ว แหนมย่าง น้ำพริกกุ้งเสียบ รสชาติเบียร์ลีโอ บ้านเรา(พูดแล้วน้ำลายไหล) นะคะพี่โต

ยังไงก็ฝากพี่โตหมั่นศึกษาพากเพียร ให้เห็นถึงไส้ปีศาจร้ายทุนนิยม เสรีนิยม แล้วลากไส้มันออกมาให้นกกาจิกกินนะคะ จะได้กลับมาจุดเทียนขับไล่ปีศาจทุนนิยมเสรีนิยม ออกไปจากขวานทองของไทย กู้แผ่นดินกู้ชาติเรากลับคืนมา

กลับไปสู่ยุคเศรษฐกิจผูกขาด เพื่อความมั่นคงของชนชั้นยอดหญ้ากันเถอะค่ะ

ว่าด้วยเรื่องผูกขาด พี่โตของน้องคนนี้ถนัดอยู่แล้วนี่คะ อิอิ

ส่วนน้องคนนี้จะรอพี่โตที่ป่ากล้วยหลังหมู่บ้านเมืองเอกเหมือนเดิมนะคะ

see ya :)

Anonymous said...

ผูกขาดความดี
กับผูกขาดสัมปทาน

เหมือนกันมั้ยเนี่ย ขอถามท่านนักกฏหมายผูกขาดสัมปทานหน่อยครับ

ถ้าเหมือนกันผมจะไปฟ้องศาลปกครองว่าคุณเมฆบ้า
ผูกขาดไม่แพ้ชินคอร์ป เหมือนกัน แต่ที่ต่างกันคือคุณเมฆบ้าผูกขาดความดังด้วย

555
เห็นด้วยกับฮาโตริ และอาทิตยา

crazycloud said...

ขำขัน ขำขัน

ก็ด่ากันไปจนกว่าจะตายจากกัน ฮา ฮา

ผมเป็นคนรักสงบนะ แต่ถ้าใครเล่นผม ผมเอาคืนจนกว่าจะเบื่อ ก็ท่าจะรบ ก็พร้อมเสมอ จะเจอที่ไหนก็ได้

crazycloud said...

กรณี คุณอาทิตยา ที่ทำเป็นล้อเรียนท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ดูจะเป็นตัวอย่างเลวชั้นดี ที่ชาวบล็อกห่ามๆ ตระกูลเดียวกับ พ่อครัวหมาตืด ? ชอบใช้ความสกปรกป้ายสีผู้อื่น ท่านอธิการบดี จะมีรสนิยมทางเพศแบบใดก็เรื่องของท่าน ไม่เกี่ยวกับผม การรับทุนเป็นสิทธิของผมที่ควรได้ตามสมควรในการสังกัดในหน่วยงาน และไม่ใช่มีผมคนเดียวที่ได้

ผมขอร้องนะ จะด่าอะไรผมก็ด่าไป ตามสบาย

แต่อย่าทำตัวสกปรก คุณรู้ไหมว่า ถ้าผมรู้ว่าคุณคือใคร

ผมขอใช้กำลัง ชกหน้าคุณแรงๆแบบไม่ขออนุญาต

ส่วนคุณจะไปแจ้งความเอาผมเข้าคุก ผมก็ยินดีรับโทษตามกฎหมาย

สำหรับผมนั้นเป็นคนมีปมด้อย คือ ผมอยากดัง และผมทำทุกสิ่งนั้นไม่มีเป้าประสงค์อะไรหรอก นอกจากความอยากดัง

กรณี ผูกขาดสัมปทานนั้น ผมคิดว่าคือวิธีการที่ประเทศไทยมีในการต่อสู้กับพวก ชิคาโก้ สกูล อะราวด์เดอะเวิอลแม้เครื่องมือจะโบราณไปหน่อยก็เถอะ

ส่วนถ้าคุณไม่อยากให้มีการผูกขาด ความดี ความดัง

และกอปรกับโลกนี้ มักกล่าวอ้างกันว่า เป็นโลกเสรี ก็ขอเชิญท่านทั้งหลาย ลงสู่สนามแข่งขัน ประกวดความดัง ความดี ผมคิดว่า โลกนี้คงหน้าอยู่ไม่น้อย

............
อ้วก อ้วก

อ้วก ตัวเอง ทุเรศตัวเอง ทำตีสำนวนแบบนักการเมือง ฮา ฮา

Anonymous said...

ยินดีด้วยนะโตกับทุนที่ได้

pattaya

Anonymous said...

หวัดดีครับพี่โตผมตามอ่านงานพี่มาหลายเรื่องนะ

ผมยังงงอยู่หลายกรณีที่พี่กล่าวโจมตีอ.วรเจตน์ ไม่ใช่ผมเป็นนักศึกษาในที่ปรึกษาของอาจารย์หรอกนะแต่ผมแค่สงสัยไงเพราะผมก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยไม่ค่อยได้รู้เรื่องอะไรมาก

แต่ผมสงสัยว่าทำไมพี่ถึงถึงพูดถึงอาจารย์ไปในทางที่ไม่ค่อยดีอย่างนั้นน่ะพี่มีเหตุผลอะไรที่แสดงว่าพี่สามารถไปกล่าวถึงอาจารย์อย่างนั้นหรือครับช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมพี่ว่าอาจารย์เขาไม่ดีอย่างไร

ถ้าแค่ความเห็นต่างกันแล้ว ก็กลายเป็นอีกฝ่ายนี่ผมว่ามันก็ไม่มีเหตุผลนะพี่

ผมก็ไม่รู้นะอย่างที่พี่ไปโพสท์(ไม่รู้ว่าพี่หรือเปล่านะ)ในบล๊อคของอ.ป๊อกนี่ผมว่ามันก็เกินไปนะ

ความเห็นต่างมันก็ไม่ได้หมายถึงว่าจะต้องไปว่ากล่าวอะไรให้อีกฝ่ายเสียหายนะพี่ผมพูดจริงๆนะ

พูดคุยโต้แย้งกันด้วยเหตุผลจะเป็นการดีที่สุด

ที่ผมสงสัยอย่างหนึ่งคือเรื่องอาจารย์วรเจตน์ฯนี่แหละว่าอ.แกไปทำอะไรไว้หรือ พี่ถึงเขียนถึงแกแรงๆบ่อยๆ ช่วบบอกผมหน่อยได้ไหม ผมจะได้รู้ว่าอ.ที่ผมเคารพนี่ไปทำอะไรไว้บ้าง ผมจะได้ตัดสินใจถูก

การแสดงความเห็นผมว่าเอาสาระมากกว่าที่จะใช้ถ้อยคำประชดประชันกันนะเอาข้อเท็จจริงมาพูดกันเลยดีกว่า

ถ้าพี่ไม่อยากตอบในนี้ส่งเมล์มาบอกผมก็ได้ครับ

ไม่ใช่อะไรหรอกพี่ผมก็ติดตามอ่านบล๊อคของ
พี่กับของหลายๆคนนะ อ่านอย่างเดียวไม่ได้แสดงความเห็นอะไรหรอก

แต่ผมแค่สงสัยแค่นั้นเอง

ถ้าพี่จะกรุณาก็รบกวนตอบคำถามผมด้วยละกันครับ

ขอบคุณมากครับ
นรินทร์

crazycloud said...

ถึง นรินทร์

ประเด็นแรก ผมไม่เคยคิดว่า อ.วรเจตน์ เป็นคนไม่ดี

ประเด็นที่สอง ผมไม่พอใจ การขี้ฟ้องของใครบางคน แล้วเรียกผมไปพบ อ.วรเจตน์ ผมไม่ชอบการหยิบยืมอำนาจของอาจารย์มาใช้โดยการขี้ฟ้อง

ประเด็นที่สาม ประเด็นชาติบ้านเมือง ครั้งนี้ คือความเป็นความตาย ถึงเสียบ้านเสียเมือง ไม่ใช่ประเด็นทางวิชาการ นำมาถกเถียงกันสนุก ฝากทำการบ้าน ศึกษาโครงการทุจริตต่างๆ การขายชาติในหลายกรณี ด้วยหัวใจนะ ไม่ใช่ เอาแต่ Deduction

ประเด็นที่สี่ ผมทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่สิ่งที่ผมได้รับจากสำนักนี้ คือ ถ้อยคำเสียดสี ดูแคลน กล่าวหา สารพัด

ประเด็นที่ห้า ผมรู้สึกผิดหวัง ที่อาจารย์ สอนแต่กฎหมาย แต่ไม่เข้าใจ ความยุติธรรมทางสังคม

ประเด็นที่หก ผมนับถือคนด้วยคลองธรรม คลองธรรม คือ ความเข้าใจทุกข์สุขเพื่อนมนุษย์ในชาติ และลงมือช่วยเหลือ บุคคลใด ไร้คลองธรรม ผมก็ลดระดับความเคารพ

ส่วนใครจะนับถือ อย่างไร ในฐานะใด เป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับผม

ผมทำงาน พร้อมไปกับการเดินดูรถตู้ข้างถนน ว่าใครมันจะมาอุ้ม ผมไปเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่ผมได้รับมีแต่คำประณาม และการเหยีดหยาม จากผู้ไม่รู่ร้อนหนาว เหตุใด ผมจะต้องเกรงใจด้วย

ผมทำงานในธรรมศาสตร์ ทำงานด้วยความนอบน้อมถ่อมตน ทำตั้งแต่งานกุลี ยัน เขียนวิจัย ด้วยความเคารพนับถือในมายาคติของเสื้อสูทนักวิชาการ

บัดนี้ผมค้นพบว่า สิ่งต่างๆล้วนเป็นแค่ซากเน่า ของวิชาการตะวันตก ที่นำมาใช้แบบด้วนๆก็เท่านั้น

ต้นทุนทางสังคมไทยกำลังสูญเสียมีค่ายิ่ง
เหตุอันใดจะต้องเกรงใจเหล่าบัณฑิตหน้าขาวด้วย

ใครจะไม่คบหาผมก็ไม่ว่า เพราะผมรู้สึกมั่นคงยิ่งนักในการทำหน้าที่ของตนเอง


บุคคลใดสิ้นไร้คลองธรรมล้ำเลิศ ย่อมมิควรแก่การเคารพบูชา

อย่ามาสนใจกับ คำพูดของ อ.กระจอกอย่างผม ท่านโปรดหลับให้สบายในบ้านวิชาการของท่านเถอะ เหล่าสหายเก่า ข้างนอกมันร้อนมาก

ถ้าช่วยหุบปากกันบ้าง อย่าด่าเป็น เนติ(อยาก)บริกร ก็จะดีไม่น้อย

เพราะถ้ารุกไล่ ผมมากๆ ผมก็สวนอย่างนี้แหละ มันเป็นสันดาน แก้ไม่ได้

หวังว่าคงเข้าใจ

(ถามในบล็อกต้อง ตอบในบล็อก ไม่มีลับหลัง)

Anonymous said...

ถึงพี่โต

ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบ นับว่าให้ความกระจ่างกับผมได้พอสมควร ทุกทีผมอ่านบล๊อกของหลายๆคนผมก็ไม่ได้คอมเม้นท์อะไรหรอก

ได้แต่เป็นผู้อ่านที่มารับความรู้และทรรศนะของหลายๆคน

ต่อไปนี้ก็จะติดตามอ่านอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

ขอบคุณครับ
นรินทร์

Anonymous said...

ด้วยความเคารพครับอาจารย์
ในฐานะที่ผมเป็นศิษย์คนหนึ่งที่ห่างไกลมากๆผ่านมาบล๊อกนี้โดยบังเอิญ จริงๆแล้วผมตามข่าวหลายๆเรื่องที่ผ่านมาหลายๆครั้ง ยินดีครับที่มีคนกล้าเปิดประเด็นแบบอาจารย์(หลายๆท่าน) เห็นอาจารย์ยืนบนเวทีวันนั้นผมก็ดู เหอๆ เห็นอาจารย์ร้องศาลปกครอง ผมยอมรับในฝีมือมากๆเลยครับที่ศาลปกครองสูงสุดรับคำร้องไว้ ผมว่าครั้งแรกที่ศาลปกครองกลางไม่รับน่ะฮะเพราะอาจารย์มีความประสงค์เช่นนั้นหรือไม่ครับ อิอิ ผมอาจคิดไปเองก็ได้ แต่เอาเป็นว่าผมชื่นชมมากๆครับ
ส่วนในคาบเรียนล่าสุด(เสาร์ที่ 2 ธค.)ผมก็อึ้งมากๆเหมือนกัน หลังจากเรียนและใช้สติมองดูถึงบ้านเมืองเราแล้วมันน่าสังเวชจริงๆ ทีแรกผมก็จดเนื้อหาเอาไว้ครับ แล้วผมก็ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดู มันช่างหดหู่มากๆ มันมีเค้าอย่างอาจารย์ว่า อย่างไรก็ดีผมยังดีใจที่ผมได้มีโอกาสเรียนรู้ตำราที่มีค่ามากกว่าตำราในห้องเรียน สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้อันล้ำหาค่าที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน
โดยเฉพาะประเด็นที่อาจารย์ กม.ด้วยกันเองพากันหดหัวยังกับเต่า ผมไม่ได้ดูถูกในความรู้เขา แต่ผมเสียดายเงินทุนที่รัฐลงทุนไป และโอกาสนี้นี่แหละที่เขาควรจะใช้ทุนชาติเสียบ้าง ชีวิตคนจึงจะมีค่า

ผมรอคาบหน้าอยู่นะครับอาจารย์