Sunday, August 16, 2009

ยิบรานอีกสักที



ผมมีความเชื่ออย่างแน่นแฟ้นว่าหน้าที่ในการเกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การฝึกฝนตนเองเพื่อมีหัวใจที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
นั่นหมายความว่า หัวใจจะมีความสุขมากขึ้น เงื่อนไขน้อยลง รักได้มากขึ้น เจ็บปวดน้อยลง
ในการฝึกฝนตนเอง ประสบการณ์เป็นสิ่งที่จำเป็น
และความรักก็เป็นประสบการณ์ที่ดีในการฝึกฝน
ยิ่งคนเราแบกรับ ความทุกข์ ความเจ็บปวด ได้มาก
กระทั่งถึง การโยนแอกแห่งความเจ็บปวด ออกจากใจได้
มนุษย์ก็จะกลายเป็นสิ่งที่มีวิวัฒนาการสูงขึ้น

คาลิล ยิบราน เป็น กวี นิรันดรกาลลำดับสาม ลองจาก เชคสเปียร์ กับ เล่าจื้อ
เขาเป็น กวี ต่างชาติคนแรกที่กระแทกใจผม
และยามใดที่ผมต้องเผชิญความทุกข์ในลานบดแห่งชีวิต
บทกวีของยิบรานกลายเป็นบทสวดมนต์ของผม
เพื่อที่จะเดินต่อไป ในเส้นทางแห่งวิวัฒนาการแห่งนี้

ผมนำ บทกวีนี้ มาใส่ไว้ใน บล็อกอีกสักครั้ง
เพื่อที่จะตักเตือน เติบโต และเป็นกำลังให้ชีวิตต่อไป


...................


เมื่อความรักร้องเรียกเธอ จงตามมันไป
แม้ว่าทางของมันนั้นจะขรุขระและชันเพียงไร
และเมื่อปีกของมันโอบรอบกายเธอ จงยอมทน
แม้ว่าหนามแหลมอันซ่อนอยู่ในปีกนั้นจะเสียดแทงเธอ
และเมื่อมันพูดกับเธอ จงเชื่อตาม
แม้ว่าเสียงของมันจะทำลายความฝันของเธอ
ดังลมเหนือพัดกระหน่ำสวนดอกไม้ให้แหลกรานไปฉะนั้น

เพราะแม้ขณะที่ความรัก สวมมงกุฎให้เธอ มันก็จะตรึงกางเขนเธอ
และขณะที่มันให้ความเติบโตแก่เธอนั้น มันก็จะตัดรอนเธอด้วย
แม้ขณะเมื่อมันไต่ขึ้นไปสู่ยอดสูง
และลูบไล้กิ่งก้านอันแกว่งไกวในแสงอรุณ
แต่มันก็จะหยั่งลงสู่รากลึก
และเขย่าถอนตรงที่ยึดมั่นอยู่กับดินด้วย

ความรัก ... จะรวบรวมเธอเข้าดังฝักข้าวโพด
มันจะแกะเธอออกจนเปลือยเปล่า
แล้วมันจะร่อนเพื่อให้เธอหลุดจากเปลือก
มันจะบดเธอจนเป็นผงขาว
แล้วก็จะขยำจนเธออ่อนเปียก
แล้วมันก็จะนำเธอเข้าสู่ไฟอันศักดิ์สิทธิ์ของมัน
เพื่อว่าเธอจะได้กลายเป็นอาหารทิพย์ของพระเป็นเจ้า

ความรัก ... จะกระทำสิ่งทั้งหมดนี้แก่เธอ
เพื่อว่าเธอจะได้หยั่งรู้ความลับ ของดวงใจเธอเอง
และด้วยความรู้นั้นเธอก็จะได้เป็นส่วนหนึ่ง ของดวงใจแห่งชีวิตอมตะ
แต่ถ้าหากด้วยความกลัว เธอมุ่งแต่แสวงหาความสงบสุข
และความสำราญจากความรัก
ก็จะเป็นการดีกว่าที่เธอควรจะปกคลุมความเปลือยเปล่าของตน
และหลีกหนีออกไปเสียจากลานบด
ไปสู่โลกอันไร้ฤดูกาล ...
ที่ซึ่งเธอจะหัวเราะก็ไม่เต็มที่และจะร้องไห้ก็ไม่เต็มที่

ความรัก ... ไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเอง
และก็ไม่รับเอาสิ่งใด นอกจากตนเอง
ความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมให้ถูกครอบครอง
เพราะความรักนั้น พอเพียงแล้วสำหรับตอบความรัก


เมื่อเธอรัก อย่าได้พูดว่า ...
พระผู้เป็นเจ้าอยู่ในดวงใจเรา
แต่ควรพูดว่าเราอยู่ในดวงใจพระผู้เป็นเจ้า
และอย่าได้คิดว่า ... เธอสามารถนำแนวทางของความรักได้
เพราะถ้าความรักพบว่า เธอมีคุณค่าพอแล้ว ก็จะเป็นผู้นำแนวทางของเธอเอง
ความรักไม่มีปรารถนาสิ่งอื่นใด นอกจากที่จะทำตนเองให้สมบูรณ์
แต่ถ้าหากเธอรัก และจำต้องมีความปรารถนา
... ก็ขอให้ความปรารถนาของเธอจงเป็นดังนี้



เพื่อจะละลายและไหลดังธารน้ำ ซึ่งส่งเสียงเพลงกล่อมราตรี
เพื่อจะเรียนรู้ความปวดร้าว อันเกิดแต่ความอ่อนโยน ละมุนละไมเกินไป
เพื่อจะต้องบาดเจ็บ ด้วยความเข้าใจ ในความรักของตนเอง
และเพื่อจะยอมให้เลือดหลั่งไหล ด้วยความเต็มใจและปราโมทย์
เพื่อจะตื่นขึ้น ณ รุ่งอรุณด้วยดวงใจอันปิติ และขอบคุณความรักอีกวันหนึ่ง
เพื่อจะหยุดพัก ณ ยามเที่ยง และเพ่งพินิจความสุข ซาบซึ้งของความรัก
เพื่อจะกลับบ้าน ณ ยามพลบค่ำ ด้วยความรู้สึกสำนึกคุณ

และเพื่อจะหลับไปพร้อมกับคำสวดมนต์ภาวนา สำหรับคนรักในดวงใจ
และเพลงสรรเสริญบนริมฝีปากของเธอ ...

No comments: