Tuesday, June 06, 2006

Ronins in Jazz Fest


Ronins in Jazz Fest

เป็นหลายครั้งที่ผมแวะมาเดินเล่นที่หัวหิน ทะเลที่ผมรักที่สุด แต่เป็นครั้งแรกที่ผมแวะมาเดินเล่นหัวหินเพื่อฟังดนตรีแจ๊ส

แจ๊สก็เป็นดนตรีชนิดหนึ่งที่ผมชอบฟัง โดยเน้นไปที่ แจ๊สแบบบัลลาด กับบอสซ่า เน้นฟังแต่เพลงตลาดๆ เนื้อร้องหวานๆ แต่ถ้าเป็น แสตนดาร์ด หรือ แจ๊สพันธ์อื่นๆ ผมจะหลับ

ศิลปินแจ๊สคนโปรดของผม อาทิเช่น หลุยส์ อาร์มสตรอง ,แนท คิง โคล ,ไมล์ เดวิด, โจบิม,นอร่า โจนส์ และใครอีกหลายคน

.........................................................

ผมเดินทางด้วยรถประจำทางและต่อเท้ามาถึงชายหาดในคืนวันเสาร์ราวห้าทุ่ม หลังจากที่
ทีโบน วงดนตรีที่ผมรักที่สุดเพิ่งเล่นจบไปไม่นาน

ก่อนเท้าสัมผัสทราย ก็ได้พบกับ นักดนตรีสองคน แต่งตัวกะมุกกะมอม หนวดเครายาวเฟ้ย ยืนถือกล่องกีต้าร์ ผมเดินเข้าไปทัก ว่าเขาเล่นแจ๊สด้วยหรือ

เขาทั้งคู่ตอบว่าไม่ มาเล่นดนตรีเพื่อชีวิตเปิดหมวกหาเงินใช้

ผมจำเขาทั้งคู่ได้ แต่จำชื่อไม่ได้

เขาก็จำผมได้ แต่จำชื่อผมไม่ได้

ผมรู้ว่าเขาทั้งคู่เป็นนักดนตรี และเขาทั้งคู่ก็รู้ว่าผมเป็นอาจารย์

แต่ก็ไม่ช่วยให้ใครจำชื่อใครได้

...................................................

เราทั้งหมด อาจารย์และนักดนตรีเพื่อชีวิต คือ คนผู้ใช้ชีวิตปักหลักอยู่หลังเวทีพันธมิตรด้วยกัน

สำหรับผม เมื่อร่ำลาและมองเท้าของคนทั้งคู่ลับหายไป สายตาก็ทอดไกลไปที่เวทีแจ๊สหน้าโรงแรมฮิลตัน สุดหรูหราอลังการ

เวทีใหญ่ๆแบบนี้ คงมีไว้สำหรับ นักดนตรีระดับดารา ผู้มีแฟนเพลงคับคั่ง

แต่สำหรับนักดนตรีทั้งคู่ เพียงเศษเงินที่ได้จากข้างถนนก็มากเกินพอ

เพราะเวทีแห่งจิตใจของเขากว้างใหญ่ กว่าชายหาดหัวหินนัก เขาทั้งคู่คือศิลปินแห่งโลกและพื้นดิน ผู้ก่อคุณประโยชน์แบบเงียบๆง่ายๆแต่ยิ่งใหญ่

เขาทั้งคู่ คือ โรนิน ซามูไรพเนจร ผู้ไร้สังกัด ค่าย ซึ่งออกตระเวณบรรเลงเสียงดนตรีให้กับประชาชนผู้ยากไร้ได้รับฟัง

เวทีของ โรนิน คือ โลกทั้งใบที่กว้างใหญ่มหาศาล ไร้กาลเวลา

คารวะจากใจ โรนิน นักดนตรี

............................

บุญรักษา ชีวาสดชื่น

3 comments:

Anonymous said...

ตัวละครตื่นตามผลกรรมแต่ง
ในรูปแห่งหญิงชายหลายภาษา
ครองสุขบ้างทุกข์บ้างบางเวลา
ด้วยบัญชาของผลกรรมตนเอง

มีโลกเป็นเวทีที่วิจิตร
มีชีวิตเป็นดวงไฟส่องใจเพ่ง
มีสมองกำหนดสร้างบทเพลง
มีงานเปล่งผลผ่องกลับหมองมัว

เกิดใน "ตึก" สูงล้ำ "สลัม" บ้าง
บทไม่ต่างคือชี้ความดีชั่ว
จำแนกเป็น พาล ปราชญ์ กล้า ขลาดกลัว
ล้วนกรรมตัวเป็นกฎบอกบทแสดง

"อนิจจัง" ยังใจความไม่เที่ยง
"ทุกขัง" เลี่ยงสองฟากด้วยฉากแฝง
"อนัตตา" หมุนเวียนฉากเปลี่ยนแปลง
บทกรรมแต่งแสดงครบจบตอนตาย

citizen

Anonymous said...

คร๊าบ ! คร๊าบ !

Anonymous said...

โรนินในฟ้ากว้าง นักรบกฎหมาย

คารวะ เมฆบ้า ด้วยใจจริง