Wednesday, February 28, 2007

นาครเขษม


นาครเขษม

คนคู่หนึ่ง
คนหนึ่งเป็นเพื่อนของผม
ส่วนอีกคนหนึ่งก็เป็นเพื่อนของผม แต่เราเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน

คนทั้งคู่ ได้ยืนอยู่บนเวทีแห่งนั้นแล้ว
เขาทั้งสองจับมือกัน
เพื่อนของผมร้องเพลงอันแสนไพเราะ
ให้เพื่อนของผมอีกคนฟัง
มันเป็นเวลาที่มีความสุข
มีความรู้สึกบางอย่างพร่างพรูไม่มีที่สิ้นสุด

เราอาจเรียกความรู้สึกนั้นว่า ความรัก ก็ได้
.............................

ดวงตาของใครหลายคนต่างจับจ้องไปที่คนคู่นั้น
เสียงหัวเราะ เสียงปรบมือ เสียงสรวลเสเฮฮา ดังชำแรกอากาศ อยู่ต่อหน้าคนคู่นั้น

ผมยืนอยู่ข้างๆเพื่อนของผม
ผมจับจ้องไปที่ดวงตาของเขาทั้งคู่
คนทั้งคู่ล้วนมีความสุข
เธออีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็มีความสุข
ความรู้สึกบนเวทีแห่งนั้น

เราอาจเรียกมันว่า ความรัก ก็ได้
..............................

ในเบื้องล่าง มีดวงตาของเพื่อนของผมหลายคนที่จับจ้องความสุขเหล่านั้นอยู่
ความสุขที่เราต่างร่วมก่อร่างสร้างมันขึ้นเพื่อคนทั้งคู่
เพื่อนของผมผู้ขยันขันแข็ง
เพื่อนของผมผู้มีความคิดและอารมณ์อันสร้างสรรค์
เพื่อนของผมผู้ตลกเฮฮา สนุกสนาน
ในงานของคนคู่นั้น
เราทั้งผองล้วนมีความสุข
มีหัวใจหลายดวงที่คอยยิ้มหวานอยู่
ซึ่งที่มุมปากอันแสนสวย มีบางสิ่งบางอย่างปรากฏอยู่

เราอาจเรียกสิ่งนั้นว่า ความรัก ก็ได้

..............................

เพื่อนของผม เพื่อนผู้ขยันขันแข็ง และคนที่เขารัก
เขาทั้งคู่ ต่างทุ่มเท แรงกาย แรงใจ เพื่อคนทั้งคู่
ฝีก้าวที่เขาเหยียบเดินไปบนพื้นสนามหญ้า
กระทั่งพื้นที่ และเวลาก่อนหน้า
ใครเลยจะรู้ว่าความเหน็ดเหนื่อย ในใจของเขาและเธอ
ความขัดแย้งบางประการในรายละเอียด
แท้จริง คือ ความงามที่เขาแสดงออกต่อคนทั้งคู่

เราอาจเรียกความงามดังกล่าวว่า ความรัก ก็ได้

.................................

เธอ เพื่อนของผม
เธอผู้ละเมียดละไมในทุกรายละเอียด
ความงดงามแห่งค่ำคืนของคนทั้งคู่ จะขาดเธอไปคงมิได้
ใครเลยจะรู้ว่าภายใต้ดวงตาเข้มแข็ง แกร่งคมนั้น
คือที่ซุ่มซ่อน นางฟ้าผู้โปรยปรายเสกประศาสน์ ความงามให้กับค่ำคืน
นอกจากดวงดาวเวิ้งฟ้าอันงดงามแล้ว
ใครเลยจะรู้ว่า แรงสร้างสรรค์แห่งเธอเร้นกายอยู่ในความลึกลับแห่งดวงตา

โดยที่เราอาจเรียกแรงสร้างสรรค์นั้นว่า ความรัก ก็ได้

..............

เขา เพื่อนของผม เพื่อนผู้มีดวงตาอันงดงาม
เพื่อนผู้มีจังหวะลีลาอันอ่อนช้อยถ่อมตนยิ่ง
ทุกฝีก้าว และเรี่ยวแรงที่หลั่งลง
ทุกรายละเอียดที่ประจงประณีต
เหงื่อไคลที่ไหลริน และทุกเสียงเต้นในห้วงจังหวะหัวใจ
ในดวงตางดงาม สะท้อนภาพเงาสวยของคนทั้งคู่
นั้นอาจเป็นภาพสะท้อนของบางสิ่ง

เราอาจเรียกภาพสะท้อนนั้นว่า ความรัก ก็ได้
.......................

เธอทั้งคู่ เธอผู้งดงามทั้งสอง เธอผู้ปรุงมธุรสาหารอันอ่อนหวานละมุน
เธอผู้จับสีฟ้าของทะเล และสีชมพูของดอกไม้ มาปรุงไว้ในเนื้อครีมบางเบา
ทุกเรี่ยวแรงที่เธอลง ทุกความตั้งใจที่ใส่ลงในเนื้อเค้ก คือ ความอร่อย
เธอทั้งสองปรากฏตัวอีกครั้งในย่ำเย็นของวันนั้น
เยื้องกายของเธอทั้งคู่ ที่พาคนทั้งคู่ขึ้นสู่เวทีแห่งนั้น ช่างงดงามยิ่ง
ใครเลยจะรู้ว่า ขนมแสนอร่อยสีฟ้าทะเลและชมพูดอกไม้ ปรุงขึ้นด้วยฝีมือของคนทั้งคู่

เราอาจชิมรสชาติของเค้กพิลาส
แล้วเรียกรสแห่งมันว่า ความรักก็ได้

.............................

เขา เพื่อนของผม เพื่อนผู้เมามายในความงาม
หยาดสุราที่หลั่งรดลงบนก้อนน้ำแข็ง อย่างอ้อยอิ่ง
ภายใต้อุ้งมือ และใบหน้าที่หยาบกร้าน
ความสนุกสนาน และความรักของเขาเทพสุรา เธอผู้นั้นคงประจักษ์ได้ดี
ในความหยาบดูเหมือนความละเอียดผลิดอกออกช่ออยู่อย่างเงียบๆ
สุราแสนอร่อย ขับอารมณ์ลุ่มลึกได้ดีนัก
แม้ว่าท่วงทีของเขาจะเฮฮาเพียงใด
แต่ใครเลยจะรู้ว่า ทุกหยดสุราที่รินหลั่ง มีความรู้สึกบางอย่างแอบแฝง
และเมื่อมันปรากฏตัวออกเป็นความเมามาย

เราอาจเรียกความเมามายนั้นว่า ความรัก ก็ได้

................................

เธอ ทั้งหลาย เธอผู้เป็นกัลยาณมิตร
เธอผู้ร่วมจุดไฟในนาครแห่งความรักให้สว่างไสว
เธอผู้น้อมกายก้มลงตรงพื้นเพื่อยังความสดใส
ดุจเดียวกับระบายดาวโชติช่วงให้เกลื่อนไปในพื้นพิภพ
แสงไฟนวลใยในค่ำคืน ส่งแสงเรื่อเรืองไล้ลูบใบหน้า
ดวงตาหลายคู่ต่างพร้อมใจสะท้อนภาพแห่งมัน
ในความร้อนที่ถูกจุดกลับกลายเป็นความอุ่น
และเมื่อความหนาวถูกชำแรก สิ่งใหม่ย่อมปรากฏ

เราอาจเรียกเปลวไฟ ณ นาครนั้นว่า ความรัก ก็ได้

............................

ผมกำลังยืนอยู่กับเธอ
งานเลี้ยงของคนทั้งคู่กำลังจะเริ่มขึ้น
งานเลี้ยงที่หล่อหลอมด้วยหัวใจแห่งความรักของคนหลายคน

และแล้ว มาดามบาวัทสกี้ ก็กระซิบข้างหูผม
ไปเถอะเจ้า ไปโปรยดอกไม้ให้เกลื่อนไปในนาครแห่งความรัก

ผมหันไปบอกกับเธอ ก่อนที่เราจะส่งอาณัติสัญญาณแก่เพื่อนของเราทุกคน
เพื่อนผู้อยู่ในที่แห่งนั้น นาครที่ตลบอบอวลไปด้วยความรู้สึก ความงดงาม แสงสว่าง
อาหารและขนมแสนอร่อย เสื้อผ้าแพรพรรณ เสียงเพลง คำอวยพร และการดื่มฉลอง

และไม่ว่าจะมีอะไรเพิ่มเติม เท่าที่เราจะจัดหามาได้
ขอได้โปรดจงเฉลย
เพราะ ณ ที่นั้น มีบางสิ่งได้มอบพลังให้กับพวกเรา

เราอาจเรียกพลังนั้นว่า ความรัก ก็ได้
.............................
งานฉลองได้เริ่มขึ้นแล้ว
ที่นาครเขษม
...........................

นำแสดงความรักโดย

คนคู่หนึ่ง คือ โชค และจิ๋ม
เพื่อนผู้ขยันขันแข็งและคนที่เธอรัก คือ ด๋ม และเอย
เธออีกคนผู้ยืนอยู่ไม่ห่าง คือ พี่เกตุ
เธอผู้ละเมียดละไม คือ จิ๊บ
เพื่อนผู้มีดวงตางดงาม คือ ตุ้ก
เธอทั้งสอง คือ แหม่มและหญิง
เพื่อนผู้เมามายและเธอผู้ประจักษ์ คือ บาสและหนู
เธอทั้งหลายผู้เป็นกัลยาณมิตร คือ มิคกี้ หมา หร่อย มน เอ และบรรดาเราเหล่านักเรียนสวนกุหลาบ

ซึ่งเราอาจเรียกเขาเหล่านี้ว่า อัศวินแห่งความรัก ก็ได้




................................

ขอให้ทุกคนมีความสุข

เมฆบ้า ณ นาคร

Tuesday, February 20, 2007

Onion Man


Onion Man

ตอนที่ผมยังเป็นเด็กวัด(อีกแล้ว) ผมได้รับมอบหมายหน้าที่อันสำคัญยิ่ง คือ การจัดเตรียมอาหารให้กับหลวงปู่ เจ้าคณะ เนื่องจากว่าท่านชราภาพมากแล้วจึงไม่มีเรี่ยวแรงออกไปบิณฑบาต ผมจึงต้องรับหน้าที่นี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตอนนั้นผมรู้สึกเบื่อมาก เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าทุกวัน เพื่อมาทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่ดังกล่าวในทุกเช้า โดยเฉพาะในหน้าหนาวไม่ค่อยอยากจะตื่น

เพลงครัววัยรุ่น เริ่มต้นด้วยการต้มข้าวต้มเป็นเมนูแรก หลังจากนั้นก็ทำการทอดปลา ทอดกุนเชียง ทำยำผักกาดดอง ผัดหมูกับหนำเลี้ยบ เจียวไข่ และที่ขาดไม่ได้ในทุกวันคือต้องน้ำปลาพริก ซึ่งในขั้นตอนนี้ทำให้ผมได้มีโอกาสพัฒนาทักษะที่ชำนิชำนาญเป็นอย่างยิ่ง คือ การปอกเปลือกหัวหอมแดง

ผมจะเลือกหัวหอมแดงขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่ เปลือกสีแดงสด เอามือกดดูแล้วแข็งดี แสดงว่าเป็นหัวหอมที่มีคุณภาพ จากนั้นจะใช้มีดค่อยๆปลอกเปลือกออกที่ละชั้น ทีละชั้น ที่ละชั้น จนเมื่อปลอกเปลือกออกจนหมด เราก็จะพบ หัวหอมอยู่ภายใน สีขาวสดใสเล่นลายไล่น้ำหนักกับสีม่วง งดงามมันวาวทีเดียว จากนั้นก็ทำการซอยหัวหอมออกเป็นชิ้นเล็กๆ พร้อมทั้งปอกกระเทียมกลีบสองกลีบ และหั่นพริกขี้หนู โรยพอเป็นสีสัน

ทั้งหมดกินเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในตอนเช้า ผมก็สามารถจัดสำรับกับข้าวถวายหลวงปู่ในทุกวัน มีทั้งปลาแดดเดียวทอดหอมกรุ่น กุนเชียงสีสวย ยำผักกาดดองรสแซ่บ หมูผัดหนำเลี้ยบ ไข่เจียว เป็นเบญจโภชนาภาคี พร้อมกับน้ำปลาพริก เครื่องจิ้มแบบง่ายๆ

นั่นเป็นภารกิจหน้าที่ของผมในทุกๆเช้า
หนึ่งในนั้น คือ ภารกิจในปอกเปลือกหัวหอมแดง เป็นการฝึกสมาธิและความรับผิดชอบที่ดีนัก

..............................................
ถึงวันนี้ ผมมานั่งคิดว่า แท้จริงแล้ว คนเรานี่ก็ไม่ต่างอะไรจากหัวหอม เราถูกห่อหุ้มด้วยเปลือกหลายชั้น จนเปลือกเหล่านั้นบดบังตัวตนที่แท้อันสวยงามไว้จนหมดสิ้น

เปลือกของมนุษย์หัวหอม มีหลายชั้น ทั้ง

ความรู้สึกทางกายภาพ อันมีสัญชาตญาณเป็นแรงขับดัน

เงื่อนไขทางสังคมที่สร้างขึ้น จนมันซ้อนทับยัดทะนานอยู่ในตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา การเมือง เศรษฐกิจ ไม่เว้นแม้ระบบศีลธรรม

การใช้เหตุใช้ผลเพื่อหลบซ่อนฉากหลังอันเจ็บปวด เหตุผลที่ชอบหาข้อแก้ตัวให้กับตนเองหรือกระทั่งทำให้ตัวเองดูฉลาดในโลกที่มนุษย์พัฒนาไปไกลสุดแค่ Self Rational ซึ่งเต็มไปด้วย Logic

ความอ่อนไหวทางอารมณ์ มายา มารยา ร้อยเล่ห์ พันเล่มเกวียน พะเรอ

ความเก็บกดนานาชนิด และเงื่อนปมนานาประการที่พ่อ แม่ ครู สังคม นักการเมือง ดารา หนังสือโป้ และนานา ผูกมัดปมไว้ในจิตใจของมนุษย์

มนุษย์หัวหอม ชัด ชัด
..........................................

มนุษย์หัวหอม มนุษย์ที่ยังเพลิดเพลิน เจ็บปวด และหลับใหลอยู่ในเปลือกหนา

ในเปลือกหนาหลายชั้นนี้เอง มนุษย์เราจึงไม่อาจเผยเนื้อในของหัวหอมรสอร่อยเพื่อแบ่งปันแก่กันและกันได้

หัวหอมแดงแสนอร่อยใช้มีดปอกโดยผม ในทุกเช้า
แล้วมนุษย์เราล่ะจะถูกปอกด้วยสิ่งใด
มีดอยู่ที่ไหน แล้วใครจะเป็นคนปอก

..............................................
ผมยกสำรับกับข้าวไปถวายหลวงปู่เป็นที่เรียบร้อย
ผมต้องรีบไปอาบน้ำ เพื่อจะได้ไปโรงเรียนเสียที

ป่านนี้ หลวงปู่คงกำลังฉันอาหาร พร้อมกับลิ้มรสหัวหอมแสนอร่อยฝีมือการปอกของผมอยู่กระมัง
โรงเรียน มหาวิทยาลัย ระบบต่างๆในสังคม กำลังรอห่มคลุมเปลือกป้ายนานาชนิดให้ผม แต่ไม่เป็นไร ผมมันนักปอกหัวหอมอยู่แล้ว

แล้วเจอกัน มนุษย์หัวหอมแสนอร่อย
................................................

แด่ OSHO
บุรุษที่อันตรายที่สุดนับแต่การมาของพระเยซูเจ้า

...............................................
เมฆบ้า

Wednesday, February 14, 2007

วันแห่งความรัก


วันแห่งความรัก

สุขสันต์วันแห่งความรัก ทั้งที่ ลอนดอน โตเกียว และขนมเบื้อง
ดอกกุหลาบ ชอกโกลาเดอร์ และความรักสีสวย บานสะพรั่งเต็มพื้นพิภพ

ความรักช่างงามยิ่ง สมควรนักที่เราต้องขอบคุณความรักกันอีกวัน

ความรักอาจทำเราตาบอด แต่การตาบอดก็ทำให้เราเรียนรู้อักษรเบลล์แห่งความรักที่เราไม่อาจมองได้ด้วยตาเปล่า และไม่อาจหาเรียนได้ในโรงเรียนสอนภาษาแห่งใด

ความรักอาจทำให้เราตกหลุม แต่หลุมแห่งนั้นมันก็น่าอภิรมย์มิใช่หรือ ข้อนี้ผู้ที่กำลังตกหลุมรักทั้งหลายคงรู้ดี และไม่อยากขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม

ความรักในบางครั้งอาจทำให้เราเจ็บปวดทรมาน แต่เมื่อเราเดินไปถึงจุดนั้น หากท่านมีดวงตาก็จะพบว่ามีประตูเปิดสู่อิสรภาพรอท่านอยู่ แม้ว่าเราจะพลาดการเปิดประตูแห่งนั้นไปหลายครั้ง แต่เรายังมีโอกาสอยู่นะ ดังนั้น อย่าได้ถอยหนีจากมันไปเพราะความเจ็บปวดรวดร้าว

.........

ผมชอบวันแห่งความรักและผมเชื่อว่า น้ำหนักของวันได้กดทับลงบนจิตใจใครหลายคน

แล้วมีหรือที่ดอกไม้และรอยยิ้มจะไม่เบ่งบาน

ขอบคุณความรัก เธอช่างหอมหวาน สวยงาม กระทั่งเจ็บปวดทรมาน

ขอบคุณเธอ ที่ปลดปล่อยฉันสู่อิสรภาพ และมันทำให้ฉันกลับมารักเธอได้อย่างเต็มหัวใจ

...............

รักเพื่อที่จะรัก รักจนกระทั่งไม่มีทั้งผู้ที่รัก และผู้ถูกรัก

สำหรับเนื้อหาของความรัก สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนก็ดูฟุ่มเฟือยเกินไปด้วยซ้ำ

เมื่อใครเขียนถึงความรัก อักษรที่ปรากฏล้วนมีที่มาจากความรักทั้งสิ้น

นั้นหมายความว่า ตัวอักษร ซึ่งเป็นเพียงผลิตผล จึงไม่อาจทำหน้าที่บรรยายถึงต้นกำเนิดแห่งมัน

ดุจดั่งเสียงของทารกที่ไม่อาจบรรยายความเป็นอยู่ของมารดาแห่งโลก คือ ความรัก ได้ฉะนั้น
...............

สุขสันต์วันแห่งความรัก สำหรับทุกคนบนโลก

............
เมฆบ้า

Thursday, February 08, 2007

ความสุขเล็กๆ


ความสุขเล็กๆ

ผมมีความสุขเล็กๆ หาได้ง่ายๆในชีวิตประจำวัน หลายอย่าง

๑.เวลาผมซื้อบุหรี่ ผมชอบลุ้นว่าจะได้บุหรี่ที่มีรูปภาพประกอบ เป็นรูป ชายฟันเหลืองแสยะยิ้มหรือไม่

๒.ผมชอบทานเหล้าผสม โซดา และกระทิงแดง

๓.ผมชอบปล่อยมุกน่าตายในห้องเรียน สนุกดีเวลาเห็นนักศึกษาหัวเราะ

๔.ผมชอบไปเรียนภาษา เพราะโรงเรียนภาษาเป็นที่ที่สนุกดี

๕.ผมเรียนรู้ว่า บางทีการนั่งอยู่เฉยๆ ทำใจให้เฉยๆ คือความสุขเล็กๆ ที่หาได้ง่ายๆ

............

นักศึกษาครับ เราเป็นปัญญาชนเราต้องมีจุดยืนที่หนักแน่นนะครับ

จุดยืนที่หนักแน่นของพวกเรา อยู่บนส้นตีนของเรานั่นไง

เราต้องรักส้นตีนของเรา จำไว้นักศึกษา

.............

เมฆบ้า เล็กๆ