Tuesday, March 31, 2009
เราจะเข้าถึงชีวิตและความจริงผ่านทางหัวใจเท่านั้น
โดยอาชีพ ผมทำงานอยู่กับความคิด
สอนหนังสือ ทำวิจัย ให้ความเห็น
จนกลับเข้าห้องเรียนมาเป็นนักเรียนอีกที
หากิน ด้วย ความคิด
ความคิด เป็นอะไรบางอย่างอยู่ในหัวผม
ส่วนใหญ่ผมได้มันมาจากการอ่านหนังสือ
การอ่านเอกสาร การจดจำ ใคร่ครวญ ทำความเข้าใจ
และความคิดมันก็ทำงานของมันเอง
ผ่านข้อมูลที่วิ่งวนอยู่ในสมอง
ความคิด ก็คือ ความคิด
มันคือการถ่ายสำเนา
บางทีมันก็คือการผสมรายละเอียดแห่งข้อมูล
ที่ระบุไว้ในสำเนา
ในโลก ของความคิด
ช่าง น่าเบื่อ
บางทีมันทำให้ภาคภูมิ
และบ้า
บางทีมันก็เป็นเครื่องมือในการประกาศอัตตา
ว่ากูแน่ กูหนึ่ง
กูร้มากกว่า กูเก่งกว่า
ทั้งหมด ทั้งมวล
ทุกข้อมูล และการแสดงออก
ล้วนวิ่งวนอยู่รอบๆ
ตัวกู
............
ไม่ว่าคุณจะคิดได้มาก ได้ดี เพียงใด
สิ่งที่คุณปฏิเสธไม่ได้
คือ คุณมักจะเจ็บหน้าอกอยู่เสมอ
บางครั้งมันเจ็บ ดิ้นๆ แบบสุขๆ
บางครั้ง มันแสบๆ คันๆ
บางครั้งก็เจ็บปวดทรมาน
บางครั้งมันก็พาเราวิ่งไล่ตามอะไรบางอย่าง
เมื่อหยุดพัก หัวใจก็หวิวๆ พล่ามัวอ่อนแรง
เคยเห็นไหม บางทีหัวใจคุณมันร้องเพลงเอง
บางครั้ง มันก็ส่งเสียงบางอย่างออกมา
บางทีมันถ่ายทอดรวดเร็ว จนกลายสภาพเป็นความคิดไปอย่างไล่จับไม่ทัน
หัวใจ และความรู้สึกหลากหลายบอกอะไรเราหลายอย่าง
....................
ค่อนข้างยาวนานทีเดียวที่ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
อยู่และเริ่มสังเกตความเป็นไปของหัวใจตนเองในแต่ละเหตุการณ์
นี่ไม่ใช่สำนวนโวหารโรแมนติก
แต่คือสิ่งที่ผมสังเกตว่า
นอกจากหัวใจจะเต้นไปตามหน้าที่ทางชีววิทยาแล้ว
ในหัวใจของเรามันมีอะไรบางอย่างมากไปกว่านั้น
เคยนอนคิดถึงคนที่คุณตกหลุมรักไหม
มันสุขแบบหวิวๆ ตรงหัวใจ
จนต้องเอามือมากุมไว้ที่หัวใจ
เคยอกหักไหม
มันเจ็บตรงหัวใจจริงๆ
อกมันคงหักไปกระแทกเอาหัวใจกระมัง
เคยกอดกับคนที่คุณรักไหม
มันชื่นฉ่ำไปทั้งหัวใจ
เคยมีคนที่คุณรักตายจากไปไหม
หัวใจมันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
พาลเข่าอ่อน
หัวใจเปลี่ยนสีได้
เปลี่ยนความรู้สึก
บีบเค้น กดดัน
พาเรา เริ่งระบำ
และร่ำไห้
..............
หัวกบาลและความคิดช่างแห้งแล้ง
เพราะมันอยู่ไกลจากเมืองหลวง
หัวใจและความรู้สึก ช่างมหัศจรรย์
เพราะมันคือเมืองหลวง
ที่อาจมีงานฉลอง งานชุมนุม วิกฤตการณ์
ความรัก ความเบิกบาน ความเศร้าใจ
ด้วยเหตุประการทั้งปวง
เราจะเข้าถึงชีวิตและความจริง
ก็โดยผ่านทางหัวใจเท่านั้น
เพราะหัวกบาลและความคิด นอกจากข้อมูลแล้ว
แทบไม่ได้บอกอะไรเราเลย
ลองเงยหน้ามองฟ้า
สูดลมหายใจลึกๆ
เลือกเอาดาวดวงใดบนท้องฟ้า
ดวงที่สวยที่สุด
รู้สึกว่ามันเป็นบ้านของคุณ
สูดลมหายใจลึกๆ
คุณจะพบว่า ดวงดาวยิ้ม
และส่งพลังมาให้คุณ
.....
หัวใจเท่านั้น
ผมเชื่อและรู้สึก
Wednesday, March 25, 2009
ไอ้หนุ่มบาเยิน
ไอ้หนุ่มบาเยินขนานแท้ ต้องนุ่งกางเกงหนัง
ผมยังจำได้ ตอนงานระเริงเบียร์
ประตู รถไฟใต้ดินเปิดออก
ไอ้หนุ่มเยอรมันล่ำบึก ประกาศอัตตาลั่น
Ich bin Nuernberger !
กูเป็นชาวเนินแบกว่ะ
พูดจบซดเบียร์พรวดใหญ่แล้วร้องเพลงเสียงดังขรม
ไปกันเป็นกลุ่มไปกันเป็นพวก
ว่าแล้ว นึกถึง โฉน ลำไพร แอน เดอะ แกงค์
ในเสเพลบอยชาวไร่
ตกเย็นกินเหล้า
แก้วหนึ่ง นงนุช
แก้วสอง พุทธวาจา
แก้วสาม องอาจ แกล้วกล้า เพราะข้าคือหนุ่มไทย
หุยฮา โห้ ฮิวววววววววววว !
........
ฝรั่งแท้ๆโดยเฉพาะชาวยุโรปเนี่ย
มันน่ารักอย่าง คือ มันเป็นของมันยังไงมันก็เป็นยังงั้น
พ่อ แม่ มันเป็นใคร มันรู้จัก
มันเกิดเมืองไหน มันรัก มันภูมิใจในโคตรสักหลาดมัน
กู ไอ้หนุ่ม บาเยิน โว้ย
กู ไอ้หนุ่มเนินแบก โว้ย
Prost ! กระดก กระเดือกเบียร์กันจุกลิ้นปี่
.........
ไอ้ผม ก็คนนึง ที่แต่ไหนแต่ไร
ภูมิใจหนักหนา ที่ได้เกิดเป็น ไอ้หนุ่มระจัน
รบพม่า แพ้ก็ช่างมัน ได้รบก็เป็นเกียรติ
สมเกียรตินักรบ
จะว่าไป นิสัยผมนี่ก็ยุโรปมาตั้งแต่เด็ก
ฮา ฮา
........
ว่าแล้วก็อดสังเวช ไอ้พวก จกเปรต ทั้งหลายไม่ได้
โดยเฉพาะ คนไทยยุคหลัง
ฝรั่งเห็นมันคงขำ
โคตรเหง้า บ้านเมืองมึง ไม่มีอะไรให้ภูมิใจหรือฟะ
ต้องมาตามดมก้นกรู
ฮา ฮา
ชาติมึงก็ไม่ภูมิใจ ไล่ตามดมก้นฝรั่ง
ใครพูดศาสนาหาว่าหมามาเยี่ยวรด อุวะ
กษัตริย์ทรงธรรม ไอ้พวกจกเปรต ก็ริจะโค่น
.........
บาเยิน เนินแบก ระจัน
เดินกอดคอกันกินเบียร์
เดินไม่ล้ม เพราะ มีรากว่ะ
..........
ผมมีเพื่อนคน หมอนี่มาจากโรม
เรียนโบราณคดี ยังกับ อินเดียน่าโจน
ไอ้นี่ตอนเช้า มันต้องประกาศก้องเป็นภาษาเยอรมันสำเนียงโรม่า
Ich bin Romano !
กาแฟข้างถนนมันไม่กิน
มันภูมิใจกาแฟชาติมันหนักหนา
เวลาผมสั่งกาแฟ คาปู มัคคิ เอสเปรส
มันต้องบุ้ยปากบอกว่า
มึงกินไรฟะ นี่มันไม่ใช่กาแฟ
ต้องไปกินร้านนั่น ร้านนี้ ร้านอิตาลี ของโคตรมัน
ไอ้นี้มันก็บ้าดี
มันคงภูมิใจมัน
............
บทความนี้ จงใจเขียน
เพื่อกระทบ กระเทียบ กระแทก
พวก จกเปรต ทั้งหลาย ว่ะ
มีไรไหม อิ อิ
..........
Friday, March 20, 2009
บทความการเมือง ไม่มีชื่อ
ฝรั่งเศส เตรียมประท้วง ซาโกซี่ ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ตก
คาดว่าราวๆล้านจะออกมาประท้วง
เยอรมัน ประชุมแทบทุกวัน บริษัท รถ เตีรยมเจ๊งกันเป็นแถบ
เศรษฐีบางคน ฆ่าตัวตาย ด้วยให้รถ Deutsche Bahn ชนเล่น
สิงคโปร์ เจ๊ง แล้ว เทมาเส็ก ขาดทุนบรรลัย
มาดาม โฮซิง ออกแล้ว
ญี่ปุ่น ส่งออกลดลง ห้าสิบเปอร์เซน
โซนี่ วอคแมน ไม่มีขาเดินไม่ได้
จีนทุ่มเงินก้อนยักษ์ ลงละลายในวิกฤต
มังกรละลายฮวงโห
........
ไทยเรายังสบาย เพราะเราอยู่รู้พอเพียง
........
อ้ายปัญญาชน สังกัดทาสทางปัญญา
ยังพร่ำเพ้อพรรณา ถึงสมัยปฏิวัติ ราวสอง สามร้อยปีก่อน
บ้า โง่ เพี้ยน
..........
พ่อ อ้ายปัญญาชนเหล่านี้ คือ อ้ายฝรั่งมันล่มจมแล้ว
ก็เมตตามัน
แต่อ้ายปัญญาชน ยังโง่งม นั่งเฝ้ากองมูตรทางปัญญาตักมาเสพกิน
อ้ายผมล่ะก็กลุ้ม
..........
ทุกอย่างมีกรรมเป็นคำตอบ
กรรมแรง คือ พวกเนรคุณ กลับมาล้างโคตรแผ่นดินตัวเอง
.......
จบไม่สวยหรอกพี่น้อง
Monday, March 16, 2009
รงค์ สู่ วงษ์สวรรค์
อาลัย รัก พญาอินทรี ผู้ลี้ลับ
ผมเคยนอนอ่านหนังสือ ของปู่รงค์ สมัยอยู่หอพักแถวพรานนก
อ่านแบบไม่ค่อยวาง
จมอยู่ในตัวอักษร
มติชนสุดสัปดาห์
หลังจากดู เกจินู้ด
ก็ต่อด้วย ปู่รงค์
และตามด้วย ไมเคิล ไรท์ ผู้ล่วงลับ
.......
แป้นพิมพ์ ที่สวนทูนอิน ต่อนี้ คงไม่กระดิก
ไม่มีต้นฉบับส่งลงมาพื้นราบ
ไม่มีการเรียงพิมพ์
ข้าพเจ้า คงอ่านมติชนแบบเหงาๆ
.........
ขอให้ปู่รงค์ ไปสู่ วงษ์สวรรค์
Saturday, March 14, 2009
เอาใจช่วยพญาอินทรี
รงค์ พญาอินทรี วงษ์สวรรค์
นักเขียนที่ผมชื่นชอบ และมีอิทธิพลคนนึงต่อวิถีชีวิตผมในช่วงหนึ่ง
เสเพลบอยชาวไร่ สนิมสร้อย บ้านนี้มีห้องแบ่งให้เช่า
และหนังสือ แนวเสรีชนอีกมากมาย คืองานของ ปู่รงค์
ทูนอิน จะ Turn on และ Drop out ต่อไปหรือไม่
ขอส่งแรงใจช่วย ปู่รงค์
ขณะนี้พญาอินทรีป่วยหนักอยู่ที่เชียงใหม่
ด้วยโรคไต และมีเลือดออกในสมอง
คุณพระ คุณเจ้า กรรมดีที่เคยทำ
โปรดคุ้มครอง ปู่รงค์ ทั้งยามเจ็บ และยามหาย
Wednesday, March 11, 2009
บทสวดเลอะเทอะ
ดวงตะวัน จันทรา ข้าเป็นส่วนหนึ่ง
ในร่างกายและจิตใจนี้ ช่างเป็นมายาอันน่าเบื่อหน่าย
เจ้า คือใคร
ทำไมจับข้ามาขังอยู่ในนี้
ในร่างกาย และจิตใจที่เปลี่ยนแปรไม่มีวันหยุดหย่อน
ดวงตะวันจันทรา ข้าเหนื่อยล้า
ข้าคิดถึงความสุขนิจนิรันดร์
แต่ภายใต้เนื้อหนัง และภาพมายา
ที่หมุนวนไปมาในข้า
ช่างทรมานอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ยามข้าเหนื่อยล้า
พักผ่อนกายา
ตั้งจิต รำลึก
ว่าข้าเป็นส่วนหนึ่งของเจ้า
เจ้าโปรดเมตตา มอบพลังแก่ข้า
เพื่อหลุดพ้นไปจากคุกแห่งกายใจนี้
ข้าทำการงาน
มิหวังอื่นใด
เพียงทำไปตามหน้าที่ในกงกรรม
ข้าโศก ข้าตรม
ข้าเหนื่อย ข้าล้า
เจ้ามิใช่หรือ ที่ส่งข้ามา
แล้วเหตุใด จึงทอดทิ้งข้า
ข้าอาจโง่งม จ่อมจมมายา
แล้วใครสร้างข้า ให้มาทุกข์ทน
ตะวัน จันทรา เจ้าคือ พ่อ แม่ข้า
โปรดอย่าทอดทิ้ง
โปรดประทานพร
พลังวังชา
ชำระกาย จิตข้า
ให้หายล้าเหนื่อย
ข้านอนกลางดิน
ผินหน้าสู่ฟ้า
หมดเรี่ยวแรงพา
จิตใจทุรณ
ภาพมายาวนเวียนไปมา
ข้ารู้เท่าทัน
แต่มันยังอยู่
ตะวัน จันทรา
ข้ายอมแพ้แล้ว
หัวใจกล้าแกล้ว
หมดแล้วสิ้นแรง
โปรดจงชำระ
สะสางมายา
ในกายใจข้า
ได้เวลาแล้ว
ตะวันจันทรา
โปรดเมตตา
โปรดเมตตา
โปรดเมตา
Saturday, March 07, 2009
๕ หนังในใจผม
ผมชอบดูหนัง แต่ดูไม่เยอะหรอก
มีหนังในดวงใจกับเขาเหมือนกัน
สมองอาจไม่ใหญ่ แต่มีหัวใจนะ
เรื่องที่ ๑ Life is beautiful หนังอิตาลี
ท่ามกลางความโหดร้ายของสงคราม
กุยโด้ผู้พ่อ เขาทำทุกอย่างด้วยความรักที่มีต่อลูกชาย
จนกระทั่งก่อนเขาตายด้วยคมกระสุนไม่นาน
ก็ยังมีแก่ใจทำให้ลูกยิ้ม
ผมชอบฉากที่ลูกแอบอยู่ในรัง
มองรอดช่องออกมาเห็นพ่อถูกทหารจี้ด้วยปืนยาว
พ่อรู้ว่าลูกหลบอยู่ตรงนั้น
กลัวลูกจะเศร้า เลยต้องเดินเตะเท้าสูงๆ
ทำตลกให้ลูกดู
หลังจากนั้น เขาถูกนำไปที่มุมตึกแล้วถูกยิงตาย
เรื่องที่ ๒ Schinler's List
หนังสงคราม
เรื่องของนักธุรกิจที่ทำโรงงานในเยอรมัน
เพื่อช่วยยิว
ผมชอบฉากจบ ตอนสงครามเลิก
ยิวนับพันมาส่ง ชินเล่อ
แต่ชินเล่อหันไปมองรถยนต์ตนเองแล้วร้องไห้
เหตุผลที่เขาร้องไห้ คือ เขาลืมขายรถยนต์ของตัวเอง
ถ้าเขาขาย เขาสามารถนำเงินไปช่วยยิวเพิ่มได้อีกหลายคน
เป็นความประเสริฐของหนุ่มเยอรมัน
เรื่องที่ ๓ Hero
หนังจีน ชอบสีของหนังและปรัชญาแฝงเร้น
มิตรภาพระหว่าง กระบี่หัก กับ จิ๋นซี
แม้มิได้พบหน้า
แต่หากเข้าใจเจตนา ก็คือ เพื่อนแท้
หิมะเหิร โดยจางม่านอี้ สวยชะมัด
ผมดูหนังเรื่องนี้ ตอนนั้น เลยได้แรงบันดาลใจ
ไปเขียนกวี ชื่อ ใต้หล้า ลงในหนังสือรพี
เรื่อง ที่ ๔ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑
หนังไทย เป็นหนังที่ทำได้อิ่มเอม
ถ่ายทอดภูมิปัญญาไทยได้น่ารัก
ปรัชญาพุทธที่ปรากฏ สอนให้คนเรา
ใช้หัวใจ มากกว่า หัวสมอง
ตรงนี้แหละที่ผมต่างจากนักวิชาการท่านอื่น
ผมว่า คนเรามันต้องเอาสมองมาเป็นลูกน้องหัวใจ
เรื่อง ที่ ๕ รักแห่งสยาม
ผมไม่ได้เป็นเกย์ แต่ชอบหนังเรื่องนี้มาก
ความรักที่บริสุทธิ์ ระหว่าง คนเพศเดียวและต่างเพศ
มันสวยงามเท่าๆกัน
ความรัก ก็คือ ความรัก ไม่ว่าเกิดกับใครที่ใด
ถ้ามันเป็นรัก มันก็มีค่าเสมอกัน
ตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง
ชอบจริงๆ เรื่องนี้
..........
จบและ
Tuesday, March 03, 2009
คน
คน โดยทั่วไปไม่ได้กินจุเหมือนหมู
ไม่ได้นอนข้างถนนเหมือนหมา
คนร้องเพลงได้เหมือนนก
แถมมีเครื่องดนตรีและเสียงดนตรีประกอบ
นั่น เป็นการบอกลักษณะของคน โดยการเปรียบเทียบ
.........
รถ วิ่งได้เพราะ เครื่องยนต์
ทิศทางของรถเป็นไปตามที่คนขับจะกำหนด
........
คน มีร่างกายเหมือนรถ
สมอง เหมือนเรดาห์นำทาง
แต่คนซับซ้อนกว่ารถยนต์
รถยนต์วิ่งได้ เพราะมีส่วนที่ละเอียดกว่าตัวถัง
คือ เครื่องยนต์ ระบบพลังงาน การอัดฉีดเชื้อเพลิง
............
แต่คน มีลักษณะอาการแสดงออกที่ซับซ้อนกว่ารถยนต์
แสดงว่าภายในมันต้องมีอะไรซับซ้อนกว่า
........
คน หัวเราะได้
ปราถนาได้
รักได้
อยากได้
โกรธได้
ร้องไห้ได้
ร่วมเพศได้
อิจฉาได้
หึงหวงได้
รู้สึก รู้สมไปกับสิ่งต่างๆได้
ที่เป็นเช่นนี้
นอกจากร่างกายแล้ว
แสดงว่ามันยังส่วนซับซ้อนซ่อนอยู่ภายใน
ส่วนต่างๆที่ประกอบกันเป็น คน
คน จึงสร้างจากสิ่งมากมายที่ไม่ใช่คน
...........
พุทธะ กล่าวว่า
คน คือ กายและใจ
กาย คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ใจ คือ ความชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ
ความรู้สึกฝ่ายดี ฝ่ายชั่ว
ความจำได้หมายรู้
ความรู้สึกทางประสาทสมผัสทั้งหมด
ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ ล้วนสร้างจากสิ่งที่ไม่ใช่ตัวของมันอีกที
พุทธะ กล่าวว่า ความไม่รู้เป็นมูล
เพราะไม่รู้ คนจึงเกิดขึ้น
แต่ถ้ารู้ คนก็สลาย
.........
รู้อะไร
ก็รู้ว่าคน ไม่ใช่ คน
คน คือ กาย และใจ
กาย คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ใจ คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เมื่อเข้าใจถูก รู้ถูก
คนก็สลาย
ไม่เหลือ คน
ไม่เหลือ คนดี คนชั่ว
เหลือแต่ ก้อนธาตุ หายใจได้
เหลือ แต่ ความว่าง
เหลือแต่ พุทธะ
.............
คน อาจไม่กินจุเท่าหมู แต่ครอบครองสิ่งต่างๆ มากกว่าหมู
คน ไม่นอนข้างถนนเหมือนหมา แต่ถ้าคนเมาก็ไม่แน่
คน ไม่ฆ่ากันเพื่อกินแบบสิงโต แต่คนฆ่ากันเล่นๆเอามัน
ฆ่ากันในนามต่างๆก็เยอะ
...............
สิ่งต่างๆที่ไม่ใช่คน สร้างคน
และออกแบบคนในรูปลักษณะต่างๆ
แต่คนจะเป็นคนแบบใดก็เท่านั้น
เพราะ คน มีศักยภาพพิเศษกว่าสัตว์อื่นๆ
ตรงที่ คน สามารถไปพ้นจากความเป็นคนได้
เมื่อตระหนักว่า คน มิใช่ คน
เมื่อนั้น คนที่แท้ จะปรากฏตัวขึ้น
นี่ไม่ใช่การตีสำนวน แต่ คือ ความจริง
ที่ต้องท้าให้ลอง
Subscribe to:
Posts (Atom)