Saturday, March 07, 2009

๕ หนังในใจผม


ผมชอบดูหนัง แต่ดูไม่เยอะหรอก
มีหนังในดวงใจกับเขาเหมือนกัน
สมองอาจไม่ใหญ่ แต่มีหัวใจนะ

เรื่องที่ ๑ Life is beautiful หนังอิตาลี
ท่ามกลางความโหดร้ายของสงคราม
กุยโด้ผู้พ่อ เขาทำทุกอย่างด้วยความรักที่มีต่อลูกชาย
จนกระทั่งก่อนเขาตายด้วยคมกระสุนไม่นาน
ก็ยังมีแก่ใจทำให้ลูกยิ้ม

ผมชอบฉากที่ลูกแอบอยู่ในรัง
มองรอดช่องออกมาเห็นพ่อถูกทหารจี้ด้วยปืนยาว
พ่อรู้ว่าลูกหลบอยู่ตรงนั้น
กลัวลูกจะเศร้า เลยต้องเดินเตะเท้าสูงๆ
ทำตลกให้ลูกดู
หลังจากนั้น เขาถูกนำไปที่มุมตึกแล้วถูกยิงตาย


เรื่องที่ ๒ Schinler's List

หนังสงคราม
เรื่องของนักธุรกิจที่ทำโรงงานในเยอรมัน
เพื่อช่วยยิว

ผมชอบฉากจบ ตอนสงครามเลิก
ยิวนับพันมาส่ง ชินเล่อ

แต่ชินเล่อหันไปมองรถยนต์ตนเองแล้วร้องไห้

เหตุผลที่เขาร้องไห้ คือ เขาลืมขายรถยนต์ของตัวเอง
ถ้าเขาขาย เขาสามารถนำเงินไปช่วยยิวเพิ่มได้อีกหลายคน

เป็นความประเสริฐของหนุ่มเยอรมัน

เรื่องที่ ๓ Hero
หนังจีน ชอบสีของหนังและปรัชญาแฝงเร้น
มิตรภาพระหว่าง กระบี่หัก กับ จิ๋นซี
แม้มิได้พบหน้า
แต่หากเข้าใจเจตนา ก็คือ เพื่อนแท้

หิมะเหิร โดยจางม่านอี้ สวยชะมัด

ผมดูหนังเรื่องนี้ ตอนนั้น เลยได้แรงบันดาลใจ
ไปเขียนกวี ชื่อ ใต้หล้า ลงในหนังสือรพี

เรื่อง ที่ ๔ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑

หนังไทย เป็นหนังที่ทำได้อิ่มเอม
ถ่ายทอดภูมิปัญญาไทยได้น่ารัก
ปรัชญาพุทธที่ปรากฏ สอนให้คนเรา
ใช้หัวใจ มากกว่า หัวสมอง
ตรงนี้แหละที่ผมต่างจากนักวิชาการท่านอื่น
ผมว่า คนเรามันต้องเอาสมองมาเป็นลูกน้องหัวใจ

เรื่อง ที่ ๕ รักแห่งสยาม

ผมไม่ได้เป็นเกย์ แต่ชอบหนังเรื่องนี้มาก

ความรักที่บริสุทธิ์ ระหว่าง คนเพศเดียวและต่างเพศ
มันสวยงามเท่าๆกัน

ความรัก ก็คือ ความรัก ไม่ว่าเกิดกับใครที่ใด

ถ้ามันเป็นรัก มันก็มีค่าเสมอกัน

ตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง

ชอบจริงๆ เรื่องนี้

..........

จบและ

2 comments:

Chanesd said...

ชมเรื่องอันดับ 2,3 ครับ ภาพยนตร์ดี

Life is beautiful อยากชม แต่ยังไม่มีโอกาสชม

อันดับ4,5 ก็เช่นกัน

การเสพสื่อ ก็เปลี่ยนตามยุคสมัยนะครับ
คนไทยที่ว่าอ่านหนังสือกัน คนละ8บรรทัด/ปี
แต่สถิติการเข้าร้านเกม เล่นเน็ต เล่น Hi5 เพิ่มมากขึ้น
Camfrog ใช้กันมากที่สุดในโลก เพื่อสนองกามตัณหาของตน

เยี่ยมไปเลย คนไทย

เสียดายที่ไทยยังไม่ค่อยรักชาติ
และไม่คิดพัฒนาประเทศด้วยการสร้าง "องค์ความรู้" พัฒนาประเทศด้วย "ปัญญา"

การวิจัย การจดสิทธิบัตร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การปฏิรูประบบทางการศึกษา เรื่องราวเหล่านี้ ยังได้รับการสนับสนุนเป็นวงแคบอยู่ (เทียบสัดส่วนเป็น1ใน100ของประเทศ อย่างเกาหลี ญี่ปุ่น ที่เจริญได้ อย่างบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ซัมซุง ที่คนไทยรุ่นเก่าๆ ไม่เคยนึกฝันว่าทุกวันนี้ โลกต้องมาบริโภคของมัน)

นี่เป็นเพราะ ประเทศไทย เป็นสังคมผู้บริโภค อย่างแหลกราญ ไม่เป็นสังคมผู้ผลิต ดังเช่นประเทศพัฒนาเหล่านั้น

รวมถึงปัญหาด้านคุณภาพประชากรที่นักการเมืองช่วยซ้ำเติมให้เขลาลง จะได้ปกครองง่ายๆ มาตลอดหลายสิบปี

ประเทศไทย พุทโธ่! ยังมีเอกราชอะไรอยู่ ทั้งที่ทางเศรษฐกิจเราตามก้นฝรั่ง
ทางด้านวิชาการ เราก็เสียเอกราชไปแล้ว สินค้า80-90%ที่ใช้อยู่ทุกวัน นิยมBrand name ก็ต่างเสียค่าลิขสิทธิ์(เสียค่าปัญญา)ให้ฝรั่ง ไปหมด ทั้งที่วัตถุดิบทั้งหลายเหล่านี้ ทำในไทยทั้งนั้น

เงินไหลออกนอกประเทศ ยิ่งกว่าเวลาเอามีดจิ้มคอแล้วเลือดพุ่ง

เราจึงอาการร่อแร่ดั่งทุกวันนี้

ไทยเมื่อไรจะเจริญ?

ผู้คนที่รณรงค์ "ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ"
ตอนนี้ ต้องบอกว่า ไทยทำ ไทยใช้ ก็ไม่เจริญ เพราะไทยทำด้วย เทคโนโลยีต่างชาติ

ตราบใดที่ยังไม่เป็น "ทำโดยไทยเทคโนโลยี" ก็เสียเงินให้ต่างชาติวันยังค่ำ (ต่างชาติลงปัญญา ไทยลงแรงงาน) หรืออย่างยางพารา ที่ไทยส่งออกไปผลิตเป็นยางล้อรถกลับมาขายไทยเอง

ไว้จะมาแสดงความคิดเห็นอีกครับ ขอบคุณครับ อาจารย์โตสบายดีนะคัรบ

Chanesd said...

ชมเรื่องอันดับ 2,3 ครับ ภาพยนตร์ดี

Life is beautiful อยากชม แต่ยังไม่มีโอกาสชม

อันดับ4,5 ก็เช่นกัน

การเสพสื่อ ก็เปลี่ยนตามยุคสมัยนะครับ
คนไทยที่ว่าอ่านหนังสือกัน คนละ8บรรทัด/ปี
แต่สถิติการเข้าร้านเกม เล่นเน็ต เล่น Hi5 เพิ่มมากขึ้น
Camfrog ใช้กันมากที่สุดในโลก เพื่อสนองกามตัณหาของตน

เยี่ยมไปเลย คนไทย

เสียดายที่ไทยยังไม่ค่อยรักชาติ
และไม่คิดพัฒนาประเทศด้วยการสร้าง "องค์ความรู้" พัฒนาประเทศด้วย "ปัญญา"

การวิจัย การจดสิทธิบัตร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การปฏิรูประบบทางการศึกษา เรื่องราวเหล่านี้ ยังได้รับการสนับสนุนเป็นวงแคบอยู่ (เทียบสัดส่วนเป็น1ใน100ของประเทศ อย่างเกาหลี ญี่ปุ่น ที่เจริญได้ อย่างบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ซัมซุง ที่คนไทยรุ่นเก่าๆ ไม่เคยนึกฝันว่าทุกวันนี้ โลกต้องมาบริโภคของมัน)

นี่เป็นเพราะ ประเทศไทย เป็นสังคมผู้บริโภค อย่างแหลกราญ ไม่เป็นสังคมผู้ผลิต ดังเช่นประเทศพัฒนาเหล่านั้น

รวมถึงปัญหาด้านคุณภาพประชากรที่นักการเมืองช่วยซ้ำเติมให้เขลาลง จะได้ปกครองง่ายๆ มาตลอดหลายสิบปี

ประเทศไทย พุทโธ่! ยังมีเอกราชอะไรอยู่ ทั้งที่ทางเศรษฐกิจเราตามก้นฝรั่ง
ทางด้านวิชาการ เราก็เสียเอกราชไปแล้ว สินค้า80-90%ที่ใช้อยู่ทุกวัน นิยมBrand name ก็ต่างเสียค่าลิขสิทธิ์(เสียค่าปัญญา)ให้ฝรั่ง ไปหมด ทั้งที่วัตถุดิบทั้งหลายเหล่านี้ ทำในไทยทั้งนั้น

เงินไหลออกนอกประเทศ ยิ่งกว่าเวลาเอามีดจิ้มคอแล้วเลือดพุ่ง

เราจึงอาการร่อแร่ดั่งทุกวันนี้

ไทยเมื่อไรจะเจริญ?

ผู้คนที่รณรงค์ "ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ"
ตอนนี้ ต้องบอกว่า ไทยทำ ไทยใช้ ก็ไม่เจริญ เพราะไทยทำด้วย เทคโนโลยีต่างชาติ

ตราบใดที่ยังไม่เป็น "ทำโดยไทยเทคโนโลยี" ก็เสียเงินให้ต่างชาติวันยังค่ำ (ต่างชาติลงปัญญา ไทยลงแรงงาน) หรืออย่างยางพารา ที่ไทยส่งออกไปผลิตเป็นยางล้อรถกลับมาขายไทยเอง

ไว้จะมาแสดงความคิดเห็นอีกครับ ขอบคุณครับ อาจารย์โตสบายดีนะคัรบ