Monday, May 22, 2006

ใครคือเมฆบ้า


ใครคือเมฆบ้า

เมฆขาวพราวฟ้า บ้าคลั่ง
ละล่องลอย ระรื่นไหล ไอระเหย
ละล่องลิ้ว พลิ้วแรงลม มาชมเชย
หยาดฝนเอย คือ หยาดฟ้าน่าชื่นชม”


บทโศลกแห่งเมฆบ้า

เมฆบ้า เป็นนามปากกาของพระเซน “อิคคิว-ซัง” ผู้โด่งดังของญี่ปุ่น ท่านเป็นทั้งกวี จิตรกร และคุรุพเนจรแห่งเซน นามปากกานามนี้ของท่านเป็นคำเล่นสำนวนในภาษาญี่ปุ่นของคำว่า อุนซุย ซึ่งหมายถึงพระภิกษุผู้ที่ความไม่ยึดติดกับชีวิตทางโลกีย์ ทำให้ท่านล่องลอยไหลลื่นอย่างเสรีดุจเมฆเหนือผิวน้ำ เพราะฉะนั้น เมฆบ้า ในความหมายกว้างจึงหมายถึง ผู้ที่เป็นนักปฏิรูปขบถและพวกนอกรีตแห่งวิถีเซนที่ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ให้แก่สังคมที่พวกเขาสังกัดอยู่ บ่อยครั้งที่นักปราชญ์อย่างพวกเขา และผู้แสวงธรรมอย่างพวกเขาได้แปลงตัวเป็นขอทาน เป็นนักเทศน์พเนจร หรือแม้แต่แสร้งเป็นคนบ้า วิถีเซนของเหล่าเมฆบ้าอย่างพวกเขาได้ส่งอิทธิพลอย่างล้ำลึกต่อการปฏิบัติสมาธิภาวนา ชีวิตประจำวัน จิตวิญญาณ สังคม และการเมืองในศาสนาพุทธนิกายเซนมาจนกระทั่งทุกวันนี้

การแสดงออกอย่างสุดขั้วในพุทธศาสนานิกายเซนของพวกเมฆบ้าเหล่านี้ บ่อยครั้งปรากฏว่ายากเกินไปที่จะเข้าใจ และล้ำหน้าเกินไปสำหรับผู้คนในสมัยเดียวกับพวกเขา หากแต่เป็นแนวทางที่ล้ำค่าเหลือเกินสำหรับอนุชนคนรุ่นหลังผู้เป็นทายาททางจิตวิญญาณในปัจจุบัน เพราะพวกเมฆบ้าคือ บุคคลตัวอย่างที่มีอยู่จริง พวกเขาไม่เพียงต่อต้านอำนาจนิยมเท่านั้น หากแต่ยังตั้งคำถามกับโครงสร้างทุกอย่าง โดยเฉพาะการตั้งคำถามเกี่ยวกับผู้มีอำนาจอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งพบได้ยากในชีวิตทางศาสนาโดยทั่วไป มิหนำซ้ำพวกเขายังโยงความเป็นขบถนี้บูรณาการเข้ากับอิสรภาพภายในแห่งปัจเจก โดยตั้งอยู่บนประสบการณ์แห่งสุญญตาของตนอย่างกระจ่างแจ้งอีกด้วย

บุรุษเซนผู้พลิกโฉมหน้าเหล่านี้ จึงเป็นแบบอย่างที่เหมาะเจาะสำหรับยุคสมัยที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่อย่างยุคของเราในศตวรรษที่ 21 นี้

...............................

นี่คือข้อเขียนของ อ.สุวินัย ผู้ที่รู้จักและศึกษาเรื่องเมฆบ้ามากที่สุดในประเทศนี้

ขอบคุณอาจารย์ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่ายังพอมีคนเข้าใจ

ผมเคยพบกับ อ.สุวินัย หลังเวทีพันธมิตร ในสภาพตาลุงคนนึง ที่มีบุคลิกเรียบง่าย แต่ฉายแววตาสดใส เฉียบขาด

ผมเชื่อมั่นว่า ท่านอาจารย์ก็คือ เมฆบ้า คนนึง แต่ท่านมีความบ้าในแบบของท่าน ที่ต่างจากผม

เมฆขาวพราวฟ้า บ้าคลั่ง

ละล่องดั่ง พายุร้าย คล้ายฟ้าผ่า

ในฟ้าร้าง มีสายลม ระดมมา

คือเมฆบ้า ฟ้ากว้าง ทางสัญจร

โศลกสดเมฆบ้า



.....................................

บุญรักษา ชีวาสดชื่น

เมฆบ้า ฟ้าร้าง


3 comments:

Unknown said...

ไหลลื่นอิสระดั่งคลื่นที่ถูกซัดเข้าออกของลมทะเล.. แม้จะไม่ได้เป็นผู้ตามของลมนั้นๆ..
แต่ขอเป็นผู้ปรับเข้าหาสายลมของธรรมชาติ..
เมฆที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้..
เป็นส่วนหนึ่งของ ธรรมะ(ชาติ)
.... กลมกลืน กลมเกลียว แต่เลี้ยวเคี้ยวคด
ดั่งแม่น้ำที่ไหลจากภูผา เพื่อเข้าหาแสงแห่งชีวิตของการหลุดพ้น...

พุทธศาสนิกชน อีกคนหนึ่ง...
LIonard

Anonymous said...

เมฆบ้า ฤาจะสู้ บากิบ้า

หนทางสุดท้ายของการดิ้นรน...

คือ...

...การนอนหลับ...หลับไหลไปแบบไม่มีทางตื่นขึ้นมาเห็นโลกที่มัน ขมุกขมัวแบบนี้อีก

แต่ใครล่ะ...

ที่จะยอมรับจุดนั้นได้ และยอมจากไป อย่างมีความสุข เฉกเช่น "วีรบุรุษ"

...เท่าที่เห็น ...จะมีก็แต่คน..."บ้า"...

...เท่านั้นแล

จงบ้า อย่างที่อยากจะบ้า
เพราะบ้า หาได้แปลว่าบ้า
มีบ้า ก็อมีบ้า ไม่มีบ้า จึ่งมีบ้า

คนเราหากยอมรับความจริงบนโลกใบนี้ได้หมด สังคมก็คงจะไม่มั่วอย่างนี้หรอก แต่นั่นล่ะ คือธรรมชาติของคน การอยู่และยอมรับสังคมลวงหลอก เป็นมาช้านานแล้ว แม้พระเจ้า หรือศาสดาของศาสนาใดๆ ก็ไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ มนุษย์แปลกแยกจากธรรมชาติ ตั้งแต่สร้างระบบเงินตราแล้ว

เงิน ที่ให้จิตใจของผู้คนห่างเหินออกจากกัน
คน หันมาพึ่งเงินตรามากกว่าศาสนาใดๆ
เงิน กลับกลายมาเป็นพระเจ้าที่แท้จริงที่คนนับถือบูชา
คน รบราฆ่าฟันกัน ก็เพราะเงิน

จริงไหมท่านนายก

การบ้าอยู่กับ "ตนเอง" อย่านายโต น่ะ ผมชื่นชมอยู่ (มาก)แล้ว แต่ปรามนิดนึงว่า อย่าตอบโต้ธรรมชาตหรืออารมณ์ของคน (ที่วิจารณ์) โดยใช้วาจาหยาบคายมากนัก ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าไม่ควรนะ

ปากหวานคนรักนะโต... เสแสร้งเข้าไปเหอะ

ฮา ฮา บากิบ้า

crazycloud said...

ถูกใจคอมเมนท์ข้างบนยิ่งนัก

เสแสร้ง เสแสร้ง เสแสร้ง

บากิ บากิ บ้า