Friday, November 17, 2006

บทกวีที่ทรงอิทธิพลยิ่งต่อชีวิตข้าพเจ้า




บทกวีที่ทรงอิทธิพลยิ่งต่อชีวิตข้าพเจ้า

อัลมิตรา เอ่ยเอื้อนวจีกล่าวถาม “โด้โปรดเฉลยแก่เราถึง ความรัก”

เมื่อความรักร้องเรียกเธอ จงตามมันไป

แม้วางหนทางแห่งรัก จะขรุขระหรือสูงชันเพียงใด

และเมื่อปีกของมันโอบกอดรอบกายเธอ จนหนามแหลมอันซ่อนอยู่ใต้ปีกเสียดแทงหัวใจของเธอ จงยอมทน

และเมื่อมันพูดกับเธอ จงเชื่อตาม
แม้ว่าเสียงของมันจะทำลายความฝันของเธอ
ดังลมเหนือพัดกระหน่ำสวนดอกไม้ให้แหลกลาญฉะนั้น

ณ ขณะที่ความรักสวมมงกุฎหนามให้เธอ
มันก็จะตรึงกางเขนเธอ และเมื่อมันให้ความเติบโต การลิดรอนก็จะเกิดขึ้น

แม้ขณะเมื่อมันไต่ขึ้นสู่ยอดสูง และลูบไล้กิ่งก้านอันแกว่งไกวในแสงแห่งอรุณรุ่ง
ความรักก็มิหยุดที่จะหยั่งลงสู่รากลึก และเขย่าถอนส่วนทีติดตรึงมั่นกับผิวดิน

หากเธอเป็นดั่งพืชพันธ์
ความรักจะรวบรวมเธอดั่งฝักข้าวโพด
มันจะแกะเธอออกจนเปลือยเปล่า
และร่อนเธอให้ผละละร่วงจากฝัก
มันจะบดเธอเป็นผงขาว แล้วขยำเธอจนเปียก

มันจะนำเธอสู่ไฟศักดิ์สิทธิ เพื่อเธอจะได้กลายเป็นอาหารทิพย์ของพระเป็นเจ้า

….............................................

อัลมิตรา
หากเธอจะรัก และจำต้องมีความปรารถนา ก็ขอให้ความปรารถนาของเธอจงเป็นดังนี้

เพื่อจะละลายและไหลดังธารน้ำ ที่ส่งเสียงขับขานยามราตรี

เพื่อจะเรียนรู้ความเจ็บปวดรวดร้าว อันเกิดแต่ความอ่อนโยนเกินไป

เพื่อจะต้องบาดเจ็บ ด้วยความเข้าใจในความรักของตนเอง

เพื่อจะยอมให้เลือดหลั่งไหล ด้วยความเต็มใจและปราโมทย์

เพื่อจะตื่นขึ้น ณ อรุ่ณรุ่ง ด้วยดวงใจอันปิติและขอบคุณความรักอีกวันหนึ่ง

เพื่อจะหยุดพัก ณ ยามเที่ยง และเพ่งพินิจความสุขซาบซึ้ง ของความรัก

เพื่อจะกลับบ้าน ณ ยามพบค่ำ ด้วยความรู้สึกสำนึกคุณ

เพื่อจะหลับไปพร้อมกับคำสวดมนต์ภาวนาสำหรับคนรักในดวงใจ
และเพลงสรรเสริญบนริมฝีปากของเธอ

From The Prophet
KAHLIL GIBRAN

..........................................

เวลาที่ผมกลับมาอ่านลำนำของ กวีเอกชาว เลบานอน ผู้เกรียงไกรครั้งใด
ผมมักจะนึกถึง เด็กชายวัยรุ่นผู้หนึ่ง คือ ตัวผมเอง
ราวสิบห้าปีมาแล้ว ผมมักพบตัวเองเป็นหนอนบริโภคหนังสืออยู่ที่ร้านแพร่พิทยา วังบูรพา
กวีบทนี้ ผมเปิดอ่านแบบไม่เสียเงิน และมันได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในสารบรรณบทกวียอดรักในห้องส่วนตัวของผม

มันอาจเป็นเรื่อง ความรัก ที่ดูเพ้อฝันสำหรับ เด็กชาย
แต่มัน คือ เรื่องจริง อย่างจริงแท้ เลยทีเดียว

สำหรับผู้ที่ผ่านความรักอันหลากรส จะเข้าใจได้ไม่ยากว่า
ความรัก เป็นลานบดแห่งจิตวิญญาณชั้นเยี่ยม มันจะบดคุณจนเป็นฝุ่นขาว และเป่าสลายด้วยสายลม
ความรัก คือ ที่ที่ความเจ็บปวดรวดร้าวจะสำแดงบทบาทแพทย์ผู้รักษา
เมื่อถึงที่สุดแล้ว ความรักจะทำให้เราหลุดพ้นจากมัน
และเราจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ในนามของ ความรัก อันพิสุทธิ์ งดงาม
ดุจเดียวกับแสงรวีฉานฉายขอบฟ้า ขับไล่ทิวากาล

และเมื่อนั้น พลังแห่งรักจักสำแดง
............................................

Love bless you all !

From My Heart
CRAZYCLOUD

5 comments:

Anonymous said...

กลับมาแล้วครับ ท่านเมฆบ้า ภาคออริจิ้น

Anonymous said...

สวัสดีครับปัญญาชน (ไม่ฝรั่ง) แต่ชอบอ้างฝรั่ง (ฉิบ)

Soulseeker said...

ความเห็นข้างบนผมขอบิณฑบาตนะครับ อย่าต่อความยาวสาวความยืดเลยครับ

พี่ครับ ไม่แน่ใจว่าเราเคยคุยกันเรื่องยิบรานหรือไม่

แต่นี่คือหนังสือที่เป็นเบาะรองรับชีวิตที่ร้าวรอนที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตผม

ผมรักมันครับ ผมรักมัน ผมรักมัน

เคยมีหนังเรื่องpaybackอะไรซักอย่างไม่แน่ใจ เมล กิ๊บสัน เป็นคนที่เจอ Catcher in the Rye ไม่ได้ เห็นเป็นซื้อ เห็นเป็นซื้อ

หนังสือเล่มนี้ถ้าโอกาสพิเศษของชีวิตของคนที่ผมพอจะรักใคร่ชอบพอ ผมจะซื้อหนังสือเล่มนี้

อนุโมทนาครับท่านอาจารย์แห่งอาณาจักรจิต

Anonymous said...

คาริล ยิบราน ไม่ใช่ฝรั่ง ครับ

เป็นชาวเลบานอน เอเซีย ครับ

ตะแว้ว !

และหากผมจะอ้างฝรั่ง ผมก็ต้องตรวจว่า ฝรั่งนั้นเป็นผีหรือคน

ทำไมผมถึงแสดงออกแบบสุดขั้วกับฝรั่ง

เพราะปัญญาชนไทยคลั่งฝรั่งก็เป็นทาสทางปัญญาแบบสุดขั้วเหมือนกัน

วันหลังจะหาเรื่องด่าผม อย่ามั่วนะ

คนที่ไม่มั่ว ผมถึงระรับฟัง

ด้วยความรัก

Anonymous said...

ผมคิดว่าบทกวีที่ทรงอิทธิพลต่อคุณเมฆบ้าคือ

"อยากดัง ทำไมถึงอยากดัง"

น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วครับเจ้านาย

ผู้ถือหุ้นชินคอร์ป