Tuesday, May 09, 2006

นักกฎหมายกระป๋องปลา กับ นักกฎหมายปลากระป๋อง


นักกฎหมายกระป๋องปลา กับ นักกฎหมายปลากระป๋อง

ในปัจจุบันมีนักกฎหมายบางคนชอบเรียกตัวเองว่าเป็น "นักกฎหมายมหาชน" หรือ สื่อบางสื่อชอบเรียกนักกฎหมายบางกลุ่มว่า "นักกฎหมายมหาชน" ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น "นักกฎหมายมหาชนมีจริงหรือเปล่า" คือคำถามที่ต้องวิสัชชนาให้ได้ก่อน

กฎหมายแท้จริงแล้ว คือ ระบบของกฎเกณฑ์ที่ไม่อาจแยกขาด หรือแยกย่อย ออกเป็นสาขาต่างๆได้ ระบบแห่งกฎเกณฑ์ คือระบบที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ทั้งในแง่ของส่วนตน ส่วนรวม ส่วนข้ามรัฐ รอดรัฐ ส่วนเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมือง ศาสนา ชีวิต ความเป็นอยู่

ความคิดในการแบ่งแยกสาขาของกฎหมาย กระทั่งแบ่งแยก "คน" ในฐานะ นักกฎหมายออกเป็น "ประเภท" หรือ "พันธ์"ต่างๆโดยยึดถือ "ประเภท" จึงเป็นความคิดที่ "อ่อนหัด" เพราะระบบแห่งกฎเกณฑ์ไม่อาจแบ่งแยกได้ เช่น หากคุณถูกรถของหน่วยงานราชการชนจนบาดเจ็บ หากคุณจะเรียกค่าเสียหาย คุณต้องไปดู กฎหมายละเมิดของพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าคุณจะเอาข้าราชการที่ขับรถชนคุณเข้าคุก คุณก็ต้องไปดูกฎหมายอาญา ถ้าคุณจะดำเนินคดี ก็ต้องไปใช้วิธีพิจารณาความของศาลปกครอง หรือ ศาลอาญา

ผมกำลังจะบอกคุณว่า "นักกฎหมายมหาชน" ไม่มีหรอก มีแต่ "นักกฎหมาย" ที่กำลังใช้กฎหมายอันเป็นร่างแหของกฎเกณฑ์ที่เชื่อมร้อยโยงใยอย่างเป็นระบบ

.....................................

นอกจากเราไม่อาจแบ่งแยก "กฎหมาย" ออกเป็น "พันธุ์" ได้แล้ว "กฎหมาย" ก็ไม่อาจแยกขาดจากรากเหง้าของมัน คือ "บริบท" ที่เป็นฐานที่มาของกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ก่อน แต่กฎหมายพัฒนามาจาก "สิ่งที่มีอยู่ก่อน" คือ "ปัญหาในบริบท" ซึ่งความขัดแย้งต่างๆบีบคั้น บีบเค้น ให้มนุษย์ร่วมคิด ร่วมกำหนด กรอบแห่งการดำรงอยู่ร่วมกัน

ด้วยเหตุนี้ หากนักกฎหมายผู้ใด หรือ ผู้ที่เรียกตนว่าเป็น "นักกฎหมาย" พันธุ์ใด ใช้กฎหมายโดยตัดขาดจากบริบทสังคมแล้ว นักกฎหมายผู้นั้นก็อาจเข้าสู่ ภาวะ "บูดเน่า" ที่อาจดันกระป๋อง หรือ เปลือกแห่งถ้อยคำให้ปูดปูน

อย่าลืมว่า เราซื้อปลากระป๋อง มากิน ปลา ไม่ได้กิน กระป๋อง แต่นั่นอย่างเพิ่งด่วยสรุปว่า กระป๋องไม่มีคุณูปการในการรักษาปลาให้หอมอร่อยนะ แต่เมื่อวันใดที่ปลาในกระป๋องมันเน่า เราจะทำอย่างไรกับกระป๋องดี เราต้องกลับมาตรวจสอบกระป๋องว่ามันพังเพราะอะไร พังเพราะปลา หรือ พังเพราะกระป๋อง

........................................

สำหรับ ระบบแห่งกฎเกณฑ์ในบ้านเรา ต้องยอมรับว่า เหมือน กระป๋องใส่ปลาเน่า

เน่าจนกัดกร่อนกระป๋องให้ผุลงวันแล้ววันเล่า ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นนักกฎหมายออกมาให้ความเห็นในสองแนว

แนวแรก คือ นักกฎหมายกระป๋องปลา พวกนี้ติดกับหลักการและตรรกะ ติดกับเปลือกของกฎหมาย ขอให้กระป๋องสวยไว้ก่อน ส่วนปลาจะเน่าอย่างไรข้าไม่สน ข้ามีหน้าที่เดินหน้ารักษากระป๋องอย่างเดียว ขอให้กระป๋องปลาสวยไว้ก่อน แต่พวกนี้ยังดีกว่า นักกฎหมายปลาเน่า อย่างเนติบริกรเยอะ แต่อย่างว่า นักกฎหมายกระป๋องปลาดูจะทำหน้าที่ของตนได้ดีมาก ดีจนกระทั่งออกปกป้อง นักกฎหมายปลาเน่า

แนวสอง คือ นักกฎหมายปลากระป๋อง พวกนี้ไม่ใช่ไม่สนใจกระป๋องปลานะ ! แต่ที่ผ่านมา กระป๋องปลา เป็นแต่กระป๋อง แต่ไม่ได้มีสภาวะที่จะเปลี่ยนปลาเน่าเป็นปลาดีน่ากินได้ นอกจากนี้ปลาเน่ายังส่งกลิ่นเหม็นสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว จึงถึงเวลาสักทีที่จะต้อง สังคยนา ปลาเน่าตัวอ้วนในกระป๋องสักที ทั้งที่รู้ว่า อาจมีปลาเน่าตัวใหม่เข้าอยู่ในกระป๋องก็ตาม

ทั้งนักกฎหมายกระป๋องปลา และ นักกฎหมายปลากระป๋อง ต่างๆก็มีจุดร่วมกัน คือ การรักษา นิติรัฐ รักษา ระบบกฎเกณฑ์แห่งกฎหมายให้กลายเป็นหลักการสำคัญ

แต่จุดที่ต่างกันอย่างชัดเจน คือ นักกฎหมายกระป๋องปลา มุ่งรักษา กระป๋อง ดุจดวงใจ โดยไม่สนใจ ว่า ปลามันจะเน่า มันจะเหม็น ประชาชนจะคลื่อนเหียนอาเจียน ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวหรือไม่ ขอให้ข้ารักษากระป๋องให้ดีที่สุดไว้ก่อน และเขาเหล่านั้น ก็ทำหน้าที่ได้ไม่เลวเลยทีเดียว

ในขณะที่นักกฎหมายปลากระป๋อง มุ่งรักษา ปลา และ กระป๋อง ไปบนพื้นฐานที่เป็นไปได้ ที่ผ่านมา ปลาเน่า ทำลายกระป๋องไปจนยับเยิน จนบุบบี้ไปหมดแล้ว ดังนั้นสิ่งต้องทำ คือ กำจัด ปลาเน่าไปโดยเร็ว อย่างน้อยที่สุด เมื่อปลาเน่าออกไปแล้ว ค่อยมาดำเนินการต่อว่า จะซ่อมกระป๋องอย่างไร ไม่ให้ ปลาเน่าเข้ามาในกระป๋องได้อีก หรือ จะเปลี่ยน ปลาเน่าเป็น ปลาร้ากระป๋องที่หอมอร่อยได้อย่างไร

..................................

อย่าลืมว่า คน กิน "ปลากระป๋อง" ไม่ได้กิน "กระป๋องปลา" แม้ว่า "กระป๋องปลา" จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ "ปลากระป๋อง" ก็ตาม แต่มันถึงเวลาตั้งนานแล้วที่จะเทปลาเน่า ออกจากปลากระป๋อง ส่วน กระป๋องใบใหม่ จะซ่อม แซม สร้าง อย่างไร ค่อยว่ากันใหม่

มิใช่ มัวนั่งคิดแต่เรื่อง "กระป๋องปลา"

..................................

บุญรักษา ชีวาสดชื่น

นักกฎหมายปลากระป๋อง

4 comments:

Gelgloog said...

สงสัย

ต้องกินปลากระป๋องตราปลายิ้ม :)

crazycloud said...

ปลาเน่าๆ กระป๋องผุๆ

ปลายิ้มๆกระป๋องเยิ้มๆ

ผมไม่เห็นอะไร นอกจากกลุ่มเด็กตั้งวงเตะกระป๋องปลาแบบตะกร้อ

กลุ่มเด็ก ที่ตั้งตนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระป๋องปลา

โดยไม่รู้ และขาดสำนึกถึงความหิวโหย ความปวดหัว

และยอดขาย ยาทัมใจ บรรเทาปวดหนี้ ของพี่น้องชาวนา ชาวไร่ ผู้ยากไร้

ระบบการศึกษา แบบตะวันตก สุดท้าย อาจสร้าง ชมรมกระป๋องปลาแห่งประเทศไทยขึ้นมากระจุกหนึ่งเท่านั้น

สมเพช เวทนา ประชาชาติไทย

Gelgloog said...

ขอร่วมคุยกับคุณเมฆา

เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกันที่นักวิชาการบางคนมักทำตัวอยู่บนหอคอยงาช้าง เป็นผู้ผูกขาดความจริง สถาปนาความจริงเบ็ดเสร็จไว้แต่ผู้เดียว.....

หารู้ไม่ว่าความเป็นจริงในสังคมมันซับซ้อนนัก อาจจะซับซ้อนเกินกรอบคิดที่พวกเขาเหล่านั้นมีอยู่ก็ได้นะ

ดังนั้นยิ่งเรียน ผมยิ่งเหมือนโง่ซะ บางทีก็เกิดอารมณ์ตันๆเหมือนกันนะ เอาวะ หาการ์ตูนมาอ่านดีกว่า 555


ระบบการศึกษาก็เป็นอีกหนึ่งที่สำคัญ ถ้าจำไม่ผิด blog ตอนเก่าๆของผมก็เคยได้กล่าวเอาไว้บ้าง

การรับเอาระบบแบบตะวันตกเข้ามานั้น ผมคงไม่แอนตี้ไปเสียทั้งหมด เอาเป็นว่า รับเข้ามา ปรับใช้ ให้เหมาะสมกับเรา และอย่าลืมหัวใจแบบไทยๆ แต่คงอารมณ์ไม่ใช่เอะอะก็ เอิดๆ อ้างวัฒนธรรมไทยอะไรเยี่ยงนี้นะ เจอบ่อยแล้วเอียน

สรุปว่า เราจะเป็นอะไรดี

แต่ถ้า เป็น ทูน่า ชีเล็ค นี่ชักจะแย่ 5555


หวังว่าคงมีสุขตามอัตภาพ....

Anonymous said...

ทำ จงทำ จงทำตามที่เขียนไว้ จงเดินตามที่สั่งไว้ กำหนดการ กำหนดไว้ บันทึกไว้...

...ให้คนทำ

คนโง่เขลาเกินไป ยอมรับได้ไหมสับสนจนปัญญา

แต่คน... ต้องการเข้าใจ อีกยังสงสัย ความคิดปริศนา

...จึงลอง... ตั้งสมมติดู สิ่งใดไม่รู้ สมมติมันขึ้นมา

...

...

...สักวัน โลกคงเข้าใจ...
...โลกสมมติไว้...ให้คนทำตาม...

จากบทเพลงโลกสมมติ
โดยมาโนช พุดตาล